อย่างที่รู้กันว่าตลาดสมาร์ทโฟนแข่งขันกันดุเดือด เรียกว่าทุกแบรนด์ต่างพากันทีเด็ด กลยุทธ์ไม้ตาย ออกมาสู้กันทุกกระบวนท่า เพื่อช่วงชิงลูกค้าและสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ แถมในช่วงนี้เหล่าแบรนด์ดังในอดีตยังประกาศ Come Back! หวนคืนสู่แวดวงสมาร์ทโฟนกันเพียบ… Motorola ก็เป็นหนึ่งในนั้น!
“การกลับมาของ Motorola ในครั้งนี้ อยู่ภายใต้ปีกของ Lenovo แม้จะหายจากตลาดประเทศไทยไป 5-6 ปี แต่เราเชื่อว่า Motorola ยังคงเป็นแบรนด์ที่คนไทยรักและผูกพัน เพราะเป็นมือถือแบรนด์แรกๆ ตั้งแต่รุ่น DynaTAC ที่มีราคาสูงและมือถือยังไม่เป็นที่แพร่หลาย จนมาถึงมือถือฝาพับรุ่น StarTAC และ Razr มือถือยอดฮิตที่ทุกคนต้องเคยใช้งานมาก่อน” คุณอาวิทธ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) ย้อนถึงความสำเร็จของมือถือแบรนด์ Motorola และเล่าต่อไปว่า…
Motorola Experience สำคัญที่สุด!
แม้จะอยู่ภายใต้การบริหารงานของ Lenovo อย่างเป็นทางการ แต่สิ่งที่ Motorola ยังมุ่งมั่นและสานต่อ คือ นวัตกรรม ดีไซน์ วัสดุที่แข็งแรงคงทนต่อการใช้งาน รวมถึงลูกเล่นการใช้งานในแบบ Motorola Experience ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาด ซึ่งพยายามนำเสนอสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมแต่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง แต่ Motorola เน้น Consumer insight ด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่ง่ายแต่ตอบโจทย์ เช่น เปิด-ปิดไฟฉายได้ด้วยการเขย่ามือถือ หรือแค่พลิกข้อมือเพื่อเข้าสู่โหมดกล้องถ่ายภาพ เป็นต้น เพราะเราเชื่อว่าแต่ละคนมีความต้องการใช้งานมือถือแตกต่างกันไป แต่ความง่ายในการใช้งานคือสิ่งที่ทุกคนต้องการ
คงภาพลักษณ์พรีเมี่ยม แบรนด์อเมริกัน เสิร์ฟทุก Segment
ภาพลักษณ์ของแบรนด์ Motorola ตั้งแต่อดีต คือ มือถือสัญชาติอเมริกันที่มีความพรีเมี่ยมและทำตลาดในกลุ่มราคาระดับสูงมาโดยตลอด แต่การกลับมาภายใต้การบริหารงานของ Lenovo แบรนด์คอมพิวเตอร์ชั้นนำ เราจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่าน 5 ซีรีย์ ได้แก่ C , E , G , X และ Z
“G series เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยราคากลุ่มมิดเทียร์ ราคาระหว่างต่ำกว่าหมื่นบาทถึงหมื่นบาทต้นๆ ซึ่งเป็นราคาที่ผู้บริโภคให้การตอบรับ ทั้งคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาประหยัดและผู้ที่ต้องการบริหารการใช้จ่าย โดยคู่แข่งก็ทำตลาดอย่างดุเดือดในกลุ่มราคานี้เช่นกัน นอกจากนี้เรายังเลือกใช้ Pure Android เป็นระบบปฏิบัติการหลัก ด้วยความโดดเด่นที่ทำให้เครื่องตอบสนองรวดเร็วและมีความเสถียร รวมถึงการันตีอัพเดท 2 เวอร์ชั่น ซึ่งถือเป็นความพิเศษกว่าแบรนด์อื่นที่บางรุ่นก็อัพเดทได้อีกเพียงเวอร์ชั่นเดียว”
นอกจากนี้ Motorola จะกลับมาในภาพลักษณ์ที่มีชีวิตชีวา สื่อถึงความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้นด้วยสีสันที่สดใส แต่ยังคงความพรีเมี่ยมด้วยแบรนด์สัญชาติอเมริกันของเรา ภายใต้ระดับราคาที่หลากหลายสามารถเข้าถึงใจผู้บริโภคได้ทุกระดับและทุกช่วงวัย
โฟกัสตลาดมือถือต่ำหมื่น!
หลังกลับมาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2016 ซึ่ง Motorola G ได้การตอบรับที่ดีจากแฟนชาวไทย เพราะเราศึกษาตลาด เข้าใจกลุ่มเป้าหมายและรู้ความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่ง Motorola เปิดตัวไปแล้ว 3 รุ่น คือ G Turbo , G 4 Plus และ G 5 Plus ซึ่งรุ่น และในวันนี้เรากำลังจะเปิดตัวรุ่นใหม่ G 5s Plus พร้อมจำหน่ายเป็นครั้งแรกในงาน Thailand Mobile Expo นี้
“เชื่อว่าเมื่อผู้บริโภคต้องการสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นบาท Motorola จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกเสมอ จากผลตอบรับ G 5 Plus อย่างล้นหลาม ทำให้เราเดินหน้าเปิดตัวรุ่นต่อไปในชื่อ G 5s Plus รวมถึงเดือนพฤศจิกายนที่จะเปิดตัว Motorola X4 เพื่อเจาะตลาดสมาร์ทโฟนราคาหมื่นกลาง โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมจุดเด่นกล้องหลังเลนส์คู่ ทำให้รุ่น G 5s Plus เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องแบบเลนส์คู่เป็นรุ่นแรกของแบรนด์ ส่วนระยะเวลาการเปิดตัวแต่ละรุ่นที่ค่อนข้างใกล้กันนั้น เราไม่ได้มองว่าเป็นการชิงส่วนแบ่งตลาดกันเอง แต่เรามองว่าสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นของ Motorola มีความแตกต่างกันไป ดังนั้นลูกค้าที่เลือกซื้อก็จะชื่นชอบแตกต่างกัน”
พลิกกลยุทธ์ เน้นเปิดเผย จริงใจต่อลูกค้า
Motorola จะเน้นการทำตลาดผ่านการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยแคมเปญต่างๆ พร้อมสร้างความรู้ความเข้าใจในแบรนด์ และเข้าถึงผู้บริโภคผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ ทั้งสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย อีเวนท์ เพื่อใกล้ชิดผู้บริโภคและทำให้พวกเขารู้สึกว่า Motorola เป็น Product for ME ขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นแบรนด์ Motorola Heritage กลับมาตอบโจทย์แฟนๆ Gen Y ที่มีความรักในแบรนด์ ชื่นชอบความทนทาน และมีประสิทธิภาพตรงใจ พร้อมกับเชื่อมโยงและขยายฐานลูกค้าสู่ Gen ใหม่ๆ เพื่อหยั่งรากแก้วลงในใจพวกเขา โดยใช้การสื่อสารผ่าน Influencers และพรีเซนเตอร์ที่เป็นแฟน Motorola จริงๆ เพราะเราตั้งใจนำเสนอความประทับใจและความชื่นชอบในแบรนด์ที่เกิดขึ้นจริงไม่หลอกลวงผู้บริโภค
สำหรับสมาร์ทโฟน G 5s Plus ได้เลือก ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์ เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งสามารถสื่อสารและสะท้อนถึงแบรนด์ Motorola ได้จากภาพลักษณ์และความคิด เนื่องจากว่าเป็นหนึ่งในแฟน Motorola มีความชื่นชอบและใช้งานจริง ส่วนรุ่น X4 ที่จะเปิดตัวถัดไปนั้น ก็ได้เลือก ฌอน-ชวนล ไคสิริ หรือที่รู้จักกันว่า ฌอน POEM มาเป็นพรีเซนเตอร์ เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวเน้นดีไซน์สวยงาม จึงเหมาะกับภาพลักษณ์ของฌอนที่เป็นผู้นำด้านแฟชั่นที่คนรุ่นใหม่และเซเลบ ดารา ต่างชื่นชอบ ซึ่งเชื่อว่าทั้ง 2 พรีเซนเตอร์สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคแทนแบรนด์ได้อย่างตรงใจ ด้วยความพรีเมี่ยมที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับความหรูหราจากการสวมสูท แต่มาจากดีไซน์ นวัตกรรม ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ และความทนทานของเครื่อง
“เราไม่ปฏิเสธว่าการเลือกดาราดังระดับซุเปอร์สตาร์เป็นพรีเซนเตอร์นั้น สามารถสร้างการรับรู้ในแบรนด์ได้จริง แต่นั่นหมายถึงการใช้เม็ดเงินจำนวนมาก ซึ่ง Motorola ไม่เลือกทำตลาดเช่นนั้น เรามุ่งสร้างความแตกต่างแต่สามารถเข้าถึงใจผู้บริโภคที่เป็นแบรนด์เลิฟเวอร์ของเราได้จริง พรีเซนเตอร์ของเราต้องมีความเรียล ใช้สินค้าของเราในชีวิตประจำวันของเขาจริงๆ”
ตั้งเป้าเขย่าอันดับผู้นำ! หวังเป็นเบอร์ 3 ภายใน 5 ปี
ต้องยอมรับว่าแบรนด์ Motorola เพิ่งกลับมาทำตลาดไม่นานนัก แต่เรามีเป้าหมายจะเป็นผู้นำอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยให้ได้ภายใน 5 ปีหลังจากทำตลาด เชื่อว่าจุดเด่นที่แบรนด์มีผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการในทุกระดับราคา ประกอบกับการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือก Motorola โดยเฉพาะลูกค้าหลักของเราที่อยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมือง ขณะเดียวกันเรายังมีพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ เช่น True ซึ่งเป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรธุรกิจ นำเสนอแพ็กเกจและราคาพิเศษให้ลูกค้า ร้านค้าปลีก TG Fone , Jaymart หรือเปิดจองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada และขยายไปสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดอย่าง Big C เพื่อรุกตลาดสมาร์ทโฟนราคาล่าง-กลาง
หวังครองตลาดมือถือราคากลาง!
ในประเทศไทย Motorola ตั้งความหวังกับตลาดกลุ่มราคากลางขึ้นไป แต่ก็ให้ความสำคัญกับกลุ่มราคาล่างและระดับบนด้วย แต่การสร้างแบรนด์นั้น เรามีความเชื่อว่าจะต้องเริ่มทำตลาดจากราคาระดับบนลงมา อย่างไรก็ตาม การทำตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มราคากลางในไทยนั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากแบรนด์คู่แข่งมีการทำตลาดด้วยงบประมาณจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Motorola ต้องเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างโอกาสเข้าถึงโดยตรง รวมถึงบริการหลังการขายซึ่งปัจจุบันมี Self Service รวม 13 สาขาทั่วประเทศ พร้อมเตรียมขยายเพิ่มเติมในอนาคต
ส่วนการทำตลาดในอาเซียนนั้น ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ Motorola ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เป็นรองเพียงอินโดนีเซีย แต่หลังจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ก็พบว่าบางรุ่น ประเทศไทยมียอดจำหน่ายมากกว่าอินโดนีเซีย ซึ่งแนวโน้มตลาดสมาร์ทโฟนในอาเซียนนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ยกเว้นสิงคโปร์ซึ่งนิยมสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมมากกว่าระดับราคาอื่น
Customer Centric ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล
กลยุทธ์ที่จะเข้าถึงใจผู้บริโภคในยุคดิจิทัล คือ Customer Centric ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หากทำแบรนด์นำเสนอผลิตภัณฑ์โดยไม่เข้าใจว่าลูกค้าคือใคร ต้องการอะไร และขาดการสื่อสาร ก็เท่ากับหมดโอกาสเข้าถึงลูกค้า เนื่องจากมือถือเป็นสินค้าที่มีตัวแทนเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ หากแบรนด์ไม่สามารถครองใจลูกค้าได้ก็เท่ากับหมดโอกาส
“จากนี้ผลิตภัณฑ์ Motorola จะสร้างความตื่นเต้นให้ผู้บริโภคและตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของกล้องถ่ายภาพ นวัตกรรม สีสัน รวมถึง Moto Mods อุปกรณ์เสริมเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้งานให้เป็นได้มากกว่าสมาร์ทโฟน ซึ่ง Motorola พยายามขยายความร่วมมือกับพาทเนอร์แบรนด์ระดับโลกเพื่อสร้างสรรค์มิติใหม่ในการใช้งาน ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ในสไตล์ของเรา”.
Copyright © MarketingOops.com