การหาเงินในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป เนื่องจากปัจจัยหลายด้าน นั่นจึงทำให้หลายคนเริ่มให้ความสนใจกับการใช้เงินไปทำงาน เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้มากกว่าแค่การทำงานตามปกติ ซึ่งการใช้เงินไปทำงานหรือที่เราเรียกว่า “การลงทุน” ซึ่งคนรุ่นใหม่มองหาการลงทุนแต่ไม่มีความเชี่ยวชาญเทียบเท่าคนในวงการลงทุน อีกทั้งไม่มีเวลาติดตามดูแลการลงทุนด้วยตัวเองโดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากองทุนรวมมีอัตราเติบโตมากกว่า 100% และแนวโน้มยังเพิ่มขึ้นทุกปี
นอกจากนี้หลายคนไม่ทราบวิธีการลงทุนหรือยังไม่เข้าใจระบบ ที่สำคัญหลายคนอยากลองลงทุนแต่ก็กลัวขาดทุนหรือกลัวโดนหลอก นั่นทำให้เกือบทั้งหมดใช้วิธีฝากเงินเข้าธนาคารเพื่อหวังกำไรจากดอกเบี้ย หรือการซื้อประกันเพื่อการลงทุน ซึ่งหากเทียบผลตอแทนแล้วการลงทุนจะสามารถสร้างรายได้ได้มากกว่าดอกเบี้ยธนาคารกว่า 3.8%
จากข้อมูลพบว่า เงินฝากในสถาบันการเงินทั้งระบบมีจำนวนรวมกัน 12.6 ล้านล้านบาท โดยเป็นเงินฝากออมทรัพย์ถึงประมาณ 6 ล้านล้านบาทขณะที่การนำเงินมาลงทุนในกองทุนรวมกลับมียอดเพียงประมาณ 4 ล้านล้านบาทเท่านั้น นั่นบ่งบอกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่มีเงินและพร้อมลงทุน แต่ยังไม่เข้าใจรูปแบบการลงทุน และนั่นคือโอกาสในการพัฒนาให้เกิดการนำเม็ดเงินมาลงทุน
Treasurist มองเห็นช่องว่างและศักยภาพในการช่วยให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น โดย Treasurist ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการแนะนำการลงทุนผ่านกองทุนรวมเหมาะสมกับปัจจัยที่แตกต่างของแต่ละคน ผ่านการทำแบบสอบถามความต้องการของแต่ละคนและความสามารถในการรับความเสี่ยง ผ่านช่องทาง Web Browser และอาจเรียกได้ว่า Treasurist คือ Startup ในด้าน Invest-Tech ซึ่งเป็นหนึ่งสาขาย่อยของ FinTech
จุดเด่นที่เรียกว่า ทำไมต้องมาปรึกษากับ Treasurist นั่นเพราะ Treasurist เข้าใจปัญหาของนักลงทุน โดยเฉพาะคำถามสำคัญ 3 ข้อประกอบไปด้วย ลงทุนอะไรดี? ลงทุนตัวไหนดี? และลงทุนเท่าไหร่ดี? ทำให้ Treasurist สามารถตอบสนองความต้องการลงทุนได้อย่างลงตัว ประกอบกับความรวดเร็วในการค้นหากองทุนที่เหมาะกับการลงทุนของแต่ละคนได้ภายใน 3 นาทีด้วยกรตอบคำถามตามข้อเท็จจริง
นายศกุนพัฒน์ จิรวุฒิตานันท์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร Treasurist ชี้แจงว่า “Treasurist เราไม่ใช่โบรคเกอร์ แต่เราเป็นเสมือนคนที่ชี้แนะหรือแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการและปัจจัยต่างๆ ของนักลงทุน โดยเราเปิดตัวเว็บเพื่อให้บริการมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยเรามองกลุ่มเป้าหมายคนที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปที่เริ่มสนใจการลงทุนในแบบระยะยาวและมีเงินฝากจำนวนหนึ่ง”
โดย Treasurist เตรียมแผนการตลาดระยะสั้นจะเน้นไปที่การใช้ Digital Content ผ่านทาง Google และ Facebook เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และจะเน้นไปที่จุดเด่นด้านความรวดเร็วในการหากองทุนที่เหมาะสมของแต่ละคนภายใน 3 นาที ซึ่งหลังการเปิดเว็บไซต์เพื่อให้บริการ มีการการค้นหากองทุนและทำการเปิดพอร์ตลงทุนจริงแล้ว 310 ล้านบาท และ Treasurist ยังตั้งเป้าปี 2560 นี้จะมีเม็ดเงินทำการเปิดพอร์ตลงทุนจริงแตะ 1,000 ล้านบาท
ขณะที่แผนการตลาดระยะยาว ได้มีการเตรียมใช้ระบบ Machine Learning ซึ่งเป็นระบบ AI ที่จะสามารถเรียนรู้ข้อจำกัดและปัจจัยต่างๆ ของนักลงทุนเพื่อค้นหากองทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของนักลงทุนมากที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะไม่มีการกำหนดจำนวนเงินทุนขั้นต่ำ (โดยแต่ละกองทุนจะมีกำหนดเงินทุนขั้นต่ำตามที่ ก.ล.ต.กำหนด) นอกจากนี้ยังมีการเตรียมเปิดให้บริการร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศอีกด้วย
นายสุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล ผู้ร่วมก่อตั้ง Treasurist และผู้ดูแลด้านเทคโนดลยีและการตลาด กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับ Treasurist จะไม่เน้นไปที่ตลาด Mass แต่จะเน้นไปที่คนที่มีเงินพร้อมลงทุนแม้จะไม่มากก็ตาม ที่สำคัญเรามองว่าคนต่างจังหวัดที่มีเงินฝากมีจำนวนมากและหลายคนก็อยากลงทุน แต่เพราะกองทุนที่หลากหลายและความที่ยังไม่เข้าใจการลงทุนผ่านกองทุน ซึ่งผู้ใช้งานจะได้ประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน”
Copyright © MarketingOops.com