หลาย ๆ ครั้งคนทำการตลาดนั้น ต้องวางแผนทำการตลาดเพื่อทำการสื่อสารที่เรียกได้ว่าครบองค์รวมของการสื่อสารทางการตลาดเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อถึงเวลาต้องนำเสนอผลงานกลับกลายเป็นว่าแผนงานกับครีเอทีฟที่นำเสนอนั้นไม่สอดคล้องกัน สิ่งสำคัญคือขั้นตอนวางแผนนี้เองที่จะสร้างการเป็นเหตุเป็นผลมาสู่การนำเสนองานได้ว่า ทำไมเราถึงคิดงานออกมาเป็นแบบนี้และคนทำแผนนั้นเข้าใจในตัวลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายกับตลาดทั้งหมดถูกค้องไหม
สิ่งสำคัญในงานนี้คือการที่ทีมงานทั้งหมดนั้นต้องทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี เพื่อทำให้งานนั้นสอดคล้องกัน ตั้งแต่ที่ AE รับบรีฟและถามคำถามที่ตรงจุดมา Strategy ที่วางแผนและบรีฟเป้าหมายให้ครีเอทีฟและคนทำ Digital ได้ถูกต้อง ครีเอทีฟที่ทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่ตรงจาก insight ที่หามา และ Digital ที่วางแผนการใช้ชุนชมออนไลน์เพื่อขยายความต้องการได้ จนถึง Media ที่ใช้สื่อโฆษณาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ทั้งหมดนี้ต้องการความร่วมมือร่วมใจอย่างมากจากทุกฝ่ายและต้องได้ข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อนำมาสร้างแผนที่ดีในการทำ Integrated Campaign แบบนี้ได้ ทั้งนี้เพื่อที่จะสร้างการวางแผนแบบนี้ ก็มีหลักการคิดที่ง่ายในการางแผนโดยการแบ่งส่วนประกอบการวางแผนนี้เป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ และมีขั้นตอนย่อย ๆ ในนั้น
Pre-Planning
เป็นการเริ่มต้นการวางแผนว่าจะต้องทำอะไรบ้างและเพื่อการสร้างแผนออกมาให้ดีที่สุดซึ่งในขั้นนี้จะต้องมีสิ่งที่ต้องทำหลาย ๆ อย่างมาก นั้นคือ
1. การศึกษากลุ่มเป้าหมายว่าเป็นใคร ซึ่งต้องใช้พลังจากหลาย ๆ ฝ่ายช่วยวางแผนตั้งแต่คนทำแผน คนทำดิจิทัล และคนทำมีเดีย มานั่งศึกษาว่ากลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมแบบไหน มีความคิดอย่างไร อยู่ที่ไหน สื่อสารแบบไหน รับสื่ออะไรบ้าง จนถึงมีวงจรชีวิตแบบไหนออกมา
2. Strategic Storyline การสร้างเรื่องราวจากข้อมูลที่มีมา โดยเฉพาะ insight ของกลุ่มเป้าหมายว่าเรื่องราวและวิธีการต่าง ๆ นั้นจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบไหนได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
3. Key Challenge ต่าง ๆ ที่ต้องเจอ ว่าถ้างานที่ต้องทำต้องเจอ Key challenge อะไรบ้าง และเราจะผ่านอุปสรรคเหล่านี้เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้อย่างไร
4. จะสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไรและเข้าไปอยู่ในชีวิตกลุ่มเป้าหมายอย่างไร ซึ่งเป็นการวางแผนเพื่อที่จะวางการทำงานในการสื่อสารทั้งหมดว่าจะต้องไปอยู่ที่ไหน และเมื่อไหร่
Campaign Collective Agenda
เป็นขั้นตอนการแนวทางการทำงานในการวางแผน เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการ หรือไปให้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงในการทำงานออกมาได้
1. การวางวัตุประสงค์ของงานนี้ ว่าจะทำแคมเปญนี้ไปเพื่ออะไร หรือมีเป้าหมายทางธุรกิจอย่างไร เพื่อที่จะได้เอาข้อมูลขั้นต้นมาช่วยให้ครีเอทีฟคิดทางต่าง ๆ หรือฝั่งออนไลน์ช่วยคิดการสื่อสารออกมาได้
2. การวาง Insight ต่าง ๆ ให้เข้ากับงาน รวมกับ Key challenge ที่ต้องเจอ เผื่อให้แผนนั้นเห็นภาพว่าเมื่อต้องทำงานในแต่ละขั้นของ Framework จะต้องเจออะไรบ้างและจะเจออุปสรรคอย่างไรที่จะต้องแก้ในแต่ละขั้นตอนได้
3. เปลี่ยนชิ้นงานทั้งหมดออกมา เป็นจำนวนงานที่ต้องทำว่ามีงานอะไรที่ต้องทำออกมาบ้าง อะไรควรทำก่อนหลัง หรือแผนในการลงมือทั้งหมดออกมา
4. คิดถึงวิธีวัดผลเอาไว้ ว่าแต่ละงานจะวัดผลอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่วางเอาไว้ ซึ่งคนทำงานแต่ละอย่างนั้นต้องมีวิธีการวัดผลที่ส่งมาถึงเป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน
Output: Communications Architecture
สุดท้ายเป็นเรื่องวิธีการคิดในการสร้างแผนงานออกมา เพื่อให้ได้แผนงานที่สามารถสื่อสารได้อย่างราบรื่นและเล่าเรื่องที่นำมาสู่การทำงานได้ดี ซึ่งปกติจะมีวิธีการวางแผนโดยไล่ความคิดในการเล่าแผนงานจาก
ปัญหา> วัตถุประสงค์>กลยุทธ์>วิธีการสื่อสาร>KPIs>Media ทั้งหมด นี้จะทำให้เราได้ Stratgic framework ในการนำเสนองานและทำงานออกมา แล้วนำไปสู่การสร้างงานความคิดสร้างสรรค์ที่ถูกต้องไปจนถึงสอดคล้องกับการทำงานของเครื่องมือต่าง ๆ และการวัดผลต่าง ๆ ได้ด้วย
ทั้งนี้การวางแผนนั้นเป็นเรื่องการมีความคิดที่เป็นระบบต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อให้สามารถคิดแบบเชิงเหตุ ไปสู่ผลได้ โดยมีความคิดสร้างสรรค์เป็นยุทธวิธีในการดึงดูดอารมณ์ของกลุ่มเป้าหมายเข้ามา ลองเอาวิธีคิดแบบดังกล่าวเข้าไปประยุกต์ใช้ดูเผื่อให้ได้แผนกลยุทธ์ทางการตลาดที่ครบมุมมากขึ้น