กลับมาอีกครั้งกับงาน “สหกรุ๊ปแฟร์” ซึ่งปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 21 พร้อมยกทัพนวัตกรรมสินค้าและบริการมาจัดแสดงศักยภาพสู่สายตานักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ที่พร้อมใจเข้าร่วมงานกว่า 600 ราย ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 21
นอกจากนี้ ยังใช้เวทีนี้เซ็นสัญญาลงทุนกับพันธมิตรใหม่ สานพลังขับเคลื่อนประเทศด้วยโครงการประชารัฐ ฉลองแบรนด์ BSC ครบรอบ 20 ปี และที่ไม่พลาดเลยคือสินค้าอุปโภคบริโภคราคาพิเศษกว่า 1,000 คูหา มาจำหน่ายให้นักช้อป ต้อนรับกำลังซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ที่สำคัญน่าจับตากับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเป็นช่องทางใหม่และอำนวยความสะดวกในการช้อปปิ้ง พร้อมบริการส่งสินค้าฟรีถึงบ้าน คาดจะมีผู้มาร่วมงานกว่า 1 ล้านคน มีเงินสะพัดในงานนี้กว่า 300 ล้านบาท
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า งานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด An Honest Digital World, BSC 20thAnniversary และสโลแกน คนดี สินค้าดี สังคมดี = ไทยแลนด์เบสต์ ซึ่งภายในงานจะมีการแสดงนวัตกรรม สินค้า และบริการใหม่ที่บริษัทในเครือสหพัฒน์ได้พัฒนาขึ้น เพื่อส่งเสริมการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งยังมีการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรใหม่ ทั้งโครงการไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบการจัดการซัพพลายเชนของเครือสหพัฒน์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และโครงการความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซกับ LAZADA Thailand
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยกำลังครอบคลุมในทุกโครงการ ซึ่งเครือสหพัฒน์ เป็นเจ้าแรกๆ ของผู้ผลิตสินค้าที่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้อย่างรวดเร็ว ทำให้งานในปีนี้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่นิยมซื้อสินค้าและรับข่าวสารทางออนไลน์ ทั้งการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ LAZADA และ ethailandbest.com แล้วยังมี ICC App แอพฯ บนมือถือ ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ และยังสามารถถ่ายทอดสดกิจกรรมในงานรวมทั้งดูย้อนหลังได้อีกด้วย
นอกจากนี้ เรายังได้เห็นว่าบริษัทห้างร้านต่างๆ ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการจำหน่ายสินค้าและให้บริการ อาทิ BSC ใช้เทคโนโลยี Virtual Beautiful Screen สำหรับทดลองแต่งหน้าเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอาง และ Sun108Vending เปิดให้บริการชำระเงินผ่านทาง Alipay ได้แล้ว
“และไฮไลท์ในงานที่ทุกคนรอคอยก็คือ การจำหน่ายสินค้าเครือสหพัฒน์ในราคาพิเศษกว่า 1,000 คูหา ซึ่งมีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมบริการส่งฟรีถึงบ้าน และยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การประกวด แฟชั่นโชว์ การรับสมัครงาน และการสัมมนามากมาย”
ทั้งนี้ ทางเครือสหพัฒน์ยังประเมินกันอีกว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยนับจากนี้จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีให้งานสหกรุ๊ปแฟร์คึกคัก โดยคาดการณ์กันว่าจะมีประชาชนมาร่วมงานกัน 1 ล้านคน และมีเงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาท สำหรับการตอบรับจากนักธุรกิจนั้น ในปีนี้มีนักธุรกิจจากในประเทศและต่างประเทศแจ้งความจำนงเข้าร่วมงานกว่า 60 ราย ซึ่งมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยประเทศที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานอยู่ในกลุ่ม CLMV (ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) รวมทั้งไต้หวัน และจีน ซึ่งกลุ่มนี้มีความสนใจเพิ่มมากขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา