ลองคิดดูว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเรามีรถที่ขับได้เอง มีตู้เย็นที่จ่ายตลาดให้เรา มีหุ่นยนต์ที่เดินตามเรามาติดๆ เทคโนโลยีที่เรียกว่า Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์จะทำให้พรุ่งนี้ที่ว่าเกิดขึ้นได้จริงก็เป็นได้
แล้วอนาคตจริงๆหน้าตาเป็นอย่างไร? มันจะเปลี่ยนชีวิตเราขนาดไหนกัน?
ในงาน TED2017 ที่แวนคูเวอร์ แคนาดา เราได้ฟัง3 กูรูเรื่อง AI กันชัดๆไม่ว่าจะเป็น Michael Hanuschik ซึ่งเป็น CEO ของเทคฯสตาร์ทอัพด้านระบบอำพรางตัว, Janet Baker ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Dragon Systems และ James Kuffner ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์และ CTO ของสถาบันวิจัยของโตโยต้า
และนี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนมีความเห็นเกี่ยวกับอนาคตที่มี AI มีผลต่อชีวิตของเรา
หลายคนมักจะพูดว่า AI จะมาเปลี่ยนชีวิตพวกเรา ชีวิตแบบนั้นจะเป็นแบบไหนกัน แล้ว AI มันจะเปลี่ยนชีวิตอย่างไร?
Michael Hanuschik: อย่างหนึ่งที่จะเกิดขึ้นคือจะมี “อินเตอร์เน็ตของสิ่งที่เป็นกายภาพ” หมายความว่า “ทุกอย่าง” จะเคลื่อนไหวได้อัตโนมัติ มันมีเครือข่ายของมัน แล้วเราจะได้เห็นธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวกับเครือข่ายที่ว่านี่แหละ
Janet Baker: ผมว่า AI จะมีเครื่องมือหรือลูกเล่นที่ทำให้ผู้คนมีความสามารถมากขึ้น ทำงานได้เก่งขึ้น และสนุกได้มากขึ้น
Michael Hanuschik CEO ของเทคฯสตาร์ทอัพด้านระบบอำพรางตัว
แล้วคุณคิดว่า AI จะช่วยคนตัดสินใจและทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือไม่? หรือเราแค่โปรแกรมตัวเองไม่ให้ต้องคิดอะไรมาก ตกลงแล้วมนุษย์มีบทบาทอะไรบ้างในอนาคต?
Michael Hanuschik: ผมไม่เชื่อแน่ๆว่าเราจะกำหนดตัวเองให้ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ไม่ใช่เร็วๆนี้แน่ AI มันคือเครื่องมือเฉพาะด้าน เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากก็จริง แต่มันก็เป็นแค่เครื่องมือ เมื่อไหร่เรามีข้อมูลเป็นจำนวนมาก AI ก็ใช้สถิติคาดเดาอนาคตได้ดี แต่ตัว AI ไม่เข้าใจในงานที่เราให้มันทำหรอก
Janet Baker: เราใช้เทคโนโลยีที่ทรงพลังได้ทั้งถูกและผิดก็ได้ AI ก็เหมือนกัน มันอาจจะถูกใช้เพื่อจดจำเสี่ยงที่เราพูด หน้าตาของคนในฝูงชน เชลส์มะเร็งในรูปภาพ หรือวิเคราะห์สัญญาญเรดาห์อยู่ก็ได้ หรืออาจจะถูกใช้เป็นสปายสอดแนมเอาข้อมูลทั้งเสียงและรูปภาพ ติดตามข้อมูลส่วนตัวก็ยังได้ เราจึงต้องตระหนักว่า AI มันทำอะไรได้บ้าง เราต้องฝึกตัวเองให้ปกป้องจากอันตรายพวกนั้นได้ รวมถึงอันตรายที่เกิดจากอคติคิดต่างด้วย
James Kuffner: AI จะช่วยให้มนุนย์ได้รับประสบการณ์ที่มากขึ้น ซึ่งมนุษย์ก็มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันอยู่แล้ว ถ้าหากมีเครื่องอัตโนมัติ สายสัมพันธ์ที่แน้นเฟ้นกว่าระหว่างคนกับหุ่นยนต์ที่คนสนับสนุนก็เกิดขึ้นได้
Janet Baker ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ Dragon System
มีคนพูดว่า AI จะมีผลต่อที่ทำงาน คุณคิดว่าหุ่นยนต์จะมาแย่งงานคนหรือไม่ หรือปลดปล่อยเราจะงานเดิมไปสู่งานใหม่ๆ?
Michael Hanuschik: งานที่เรียบง่ายและซ้ำซากจะค่อยๆหายไป งานที่ซับซ้อนขึ้นจะเริ่มให้เห็น แต่ผมก็ยังไม่เห็นหลักฐานว่าเราจะได้เห็น AI ที่มีความสามารถเข้าใจและให้เหตุผลในช่วงชีวิตของเรานะ
Janet Baker: นี่ไม่ใช่การแบ่งขั้วกันระหว่างคนกับหุ่นยนต์หรอกนะ AI จะมาแทนที่คนทำงานแน่ ไม่เว้นแต่ผู้เชี่ยวชาญที่ได้เงินเดือนกันสุงๆด้วย นั่นจะทำให้งานที่เกิดขึ้นใหม่ๆมีความหมายมากขึ้น ต้องปรับตัวเท่านั้นถึงจะอยู่รอดและประสบความสำเร็จ
James Kuffner: เพราะต่างฝ่ายก็มีจุดแข็งต่างกัน หากคนกับหุ่นยนต์ทำงานร่วมกันก็จะได้งานมากกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่าคนทำงานอย่างเดียว หรือหุ่นยนต์ทำงานอย่างเดียว
James Kuffner ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์และ CTO ของสถาบันวิจัยของโตโยต้า
แล้วเทคโนโลยี AI ในรถยนต์อัตโนมัติ หรืออาวุธอัจฉริยะ เราฝากชีวิตไว้กับเครื่องจักรแบบนี้ เราควรจะไว้ใจระบบมันหรือเปล่า? ถ้าเกิดพลาดขึ้นมา เราจะทำอย่างไร?
Michael Hanuschik: ผมว่าเราจะไว้ใจเครื่องจักรน้อยลง แต่จะไว้ใจพวกองค์กรทางด้านกฎระเบียบเพื่อพัฒนาระบบที่ซับซ้อนและปลอดภัยมากขึ้น ความจริงที่น่าอึดอัดคือคนเราชอบความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี แล้วเราก็เลือกความสะดวกสบายทุกครั้งไปต่อให้มันอันตรายก็ตาม อย่างเช่นสมาร์ทโฟนที่เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนน ก็ไม่เห็นจะมีใครโทษตัวสมาร์ทโฟนจริงๆเลย และถ้าเทคโนโลยีมันสร้างปัญหา เทคโนโลยีก็แก้ปัญหานั้นได้เองด้วย บางที่เช่นต่อไปเราอาจจะมีรถขับอัตโนมัติที่ลดอุบัติเหตุและจำนวนคนตายจนแทบไม่มีเลยก็ได้
Janet Baker:ตอนนี้เราก็ใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถไฟ ฯลฯ ยานพาหนะอัตโนมัติจะเป็นก้าวต่อไป เราก็รู้ดีว่าไม่มีอะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ ความสะดวกสบาย ความประหยัดและความปลอดภัยจะทำให้เราได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาในที่สุด
แหล่งที่มา
We asked 3 experts: How will AI change our lives in the near future?