ยูบีเอ็มปักหมุดเดือนเมษาฯจัด “อาเซียนบิวตี้ 2017” งานแสดงสินค้าความงามใหญ่สุดในอาเซียน พร้อมชี้เทรนด์ตลาดความงามโลก 2018

  • 34
  •  
  •  
  •  
  •  

อุตสาหกรรมความงามไทยโตทวนกระแสเศรษฐกิจ ปิดตลาดปี 59 ที่ 2.6 แสนล้านบาท คาดการณ์มูลค่าปี 60 พุ่งถึง 2.8 แสนล้าน ชัดเจนว่าเป็นอุตสาหกรรมศักยภาพของชาติ ด้วยการครองอันดับที่ 17 ของโลก ด้าน SMEs ไทยจับมือคู่ค้าต่างชาติผลักดันเครื่องสำอางไทยสู่เวทีอินเตอร์ มุ่งสร้างแบรนด์และฐานนิยมก่อนกลับมาขายในตลาดบ้านเกิด เห็นพ้องว่างานเจรจาธุรกิจมีส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโต

ASEAN-3

คุณอนุชนา วิชเวช ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ บริษัท ยูบีเอ็ม (เอเชีย) ประเทศไทย จำกัด ผู้บริหารหญิงผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การจัดงานแสดงสินค้าด้านความงามมากกว่า 10 ปี ทั้งยังเป็นผู้จัดงาน ASEAN beauty 2017 กล่าวว่า อุตสาหกรรมความงามของโลกยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องจากประชากรวัยทำงานอันเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงได้เพิ่มจำนวนขึ้น ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคด้านสุขภาพและความงามได้รับความนิยมมากขึ้นตามความต้องการของกลุ่มคนที่อยู่ในวัยที่กำลังดูแลรักษาสุขภาพมากที่สุด โดยจากข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่าอุตสาหกรรมความงามของไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 ต่อปี ปัจจุบัน ธุรกิจนี้มีมูลค่าตลาดในประเทศถึง 2.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 60% หรือ 1.68 แสนล้านบาท และตลาดส่งออกที่ทำรายได้ให้ประเทศถึง 40% หรือกว่า 1.12 แสนล้านบาท ส่วนในเวทีโลก ไทยครองอันดับที่ 17 ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกเครื่องสำอางรายสำคัญ ทั้งยังรั้งที่ 1 ในระดับอาเซียนอีกด้วย

“ประเทศที่ไทยส่งออกเครื่องสำอางไปจำหน่ายมากที่สุด คือญี่ปุ่น รองลงมาคือฟิลิปปินส์, ออสเตรเลีย, มาเลเซีย และอินโดนีเซียตามลำดับ ซึ่งสินค้าความงามไทยนั้นได้รับความไว้วางใจในคุณภาพและมาตรฐานจากนานาประเทศมาโดยตลอด 90% ของอุตสาหกรรมความงามไทย เป็นผู้ผลิตแบบ SMEs จึงกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมศักยภาพของชาติ ด้วยได้รับการยอมรับในคุณภาพ มาตรฐาน และวัตถุดิบ ที่หากได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน จะสามารถขึ้นแท่นติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกภายใน 3-5 ปีได้อย่างแน่นอน” คุณอนุชนากล่าว

“เราพบว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยมีการตื่นตัวและเข้าร่วมการแสดงสินค้าในระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้นถึงปีละ 15% โดยมีการตั้งเป้าที่ชัดเจนว่าจะสร้างความนิยมให้เกิดขึ้นในผู้บริโภคชาวต่างชาติซึ่งล้วนแล้วแต่ชื่นชอบสินค้าไทยเป็นทุนเดิม ก่อนที่ผู้ประกอบการเหล่านี้จะนำกระแสนิยมที่ได้รับจากนอกประเทศเข้ามาสร้างความต้องการให้เกิดขึ้นกับตลาดในประเทศ ดังเช่นหลายๆ แบรนด์ที่ประสบผลสำเร็จมาแล้วจากการทำตลาดแบบเอาท์ไซด์-อิน เช่นนี้ ในอีกทาง การผลิตสินค้าความงามที่จะสามารถส่งออกต่างประเทศได้ ย่อมได้รับการตรวจสอบคุณภาพ และการรับรองมาตรฐานที่น่าเชื่อถือ ซึ่งภาพลักษณ์เหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการขยายตลาดเพิ่มเติมทั้งในและนอกประเทศ เพราะผู้บริโภคย่อมไว้วางใจในสินค้าที่ได้รับการยอมรับจากมาตรฐานระดับโลก สอดคล้องกับการจัดงานอาเซียนบิวตี้ 2017 ที่เราตั้งใจให้เป็นอีกเวทีสำคัญในการผลักดันผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมความงามให้ผลิตสินค้าและทำการตลาดในเวทีโลกได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการไปออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศเพื่อเจรจาธุรกิจ เนื่องจากงานอาเซียนบิวตี้มีทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจากต่างประเทศทั่วโลกมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อีกทั้งยังมีโปรแกรมบิสสิเนสแมชชิ่งที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้เจอกับคู่ค้าที่ตนเองต้องการอีกด้วย”

ASEAN-2

ส่วนเทรนด์ความงามปี 2018 ยังคงตอบรับกับกระแสรักษ์โลก รักสุขภาพของผู้บริโภค โดยมีแนวโน้มว่าสินค้าความงามจะต้องลดการใช้น้ำอันเป็นทรัพยากรสำคัญลง แบรนด์ต่างๆ จึงเริ่มปรับสูตรของผลิตภัณฑ์ให้เป็นสูตรใช้น้ำน้อยไปจนถึงไม่ต้องใช้น้ำเลย ตามมาด้วยเทรนด์การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่เข้าใกล้ความเป็น 100% ให้ได้มากที่สุด นำไปสู่การผลิตสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ของแบรนด์ต่างๆ เพื่อความสะดวกในการนำมาใช้ได้อย่างง่ายๆ ที่บ้านของผู้บริโภค ส่วนอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง คือเทรนด์เครื่องสำอางสำหรับเด็ก โดยการวิจัยของ Mintel (มินเทล) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยผลิตภัณฑ์ ตลาดผู้บริโภคและสื่อ ระบุไว้ว่า เด็กอเมริกันร้อยละ 80 ที่มีอายุระหว่าง 9-11 ขวบ ได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่ทำขึ้นมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ อาทิเช่น ลิปมัน โลชั่นที่มีกลิ่นหอม ฯลฯ โดยเด็กวัยรุ่นอเมริกันร้อยละ 80 ที่มีอายุระหว่าง 9 และ 11 ขวบ จะนิยมใช้เมคอัพบางอย่าง ส่วนเด็กวัยรุ่นที่อายุระหว่าง 12-14 ปีนั้น ร้อยละ 54 นิยมใช้มาสคารา, อายแชโดว์, อายไลเนอร์ และดินสอเขียนคิ้ว

ASEAN beauty 2017 งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรมความงาม และเวทีเจรจาธุรกิจด้านความงามที่ยิ่งใหญ่ระดับอาเซียน เหมาะสำหรับนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และ SMEs ที่มองหาโอกาสในการทำธุรกิจด้านความงาม ภายในงานครบครันด้วยบูธแสดงสินค้ากว่า 350 บูธ จาก 50 ประเทศทั่วโลก เวทีเสวนาและหัวข้อสัมมนาจากผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา พร้อมให้คำปรึกษาและบริการด้านการทำธุรกิจความงามจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ธนาคาร และชี้แนะช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 เมษายน 2560 นี้ ที่ไบเทค บางนา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.aseanbeautyshow.com หรือโทร. 02 642 6911


  • 34
  •  
  •  
  •  
  •