ความจริงอีกอย่างที่คุณชอบลืมก็คือ “คุณทำทุกอย่างคนเดียวไม่ได้หรอก” ฉะนั้นจะดีกว่านี้ ถ้าลูกค้าที่คุณมีกลายเป็นกระบอกเสียงขายสินค้าและบริการให้คุณ ช่วยกระจายข่าวให้คุณ
ลืมเรื่องการรับรู้แบรนด์ พาร์ทเนอร์ ภาพลักษณ์ของกิจการไปก่อน เพราะหน้าที่ของคุณตอนนี้คือดึงคนที่เชื่อในสินค้าและบริการของคุณให้ได้เยอะที่สุด มาดูกฎเหล็ก 9 ข้อ ปลุกมวลชนซื้อสินค้าและใช้บริการของคุณกัน
1. มวลชนที่ยิ่งใหญ่มาจากนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่
เพราะถ้าสินค้าและบริการของคุณไม่เข้าท่า ก็ไม่มีใครรักมันจริงๆหรอก ขอแค่มีตีโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้แตก ให้ประสบการณ์การใช้งานสินค้าที่ยอดเยี่ยม มี User Interface ที่สวยงามน่าใช้ และปลุกความรู้สึกให้คุณใช้สินค้านั้นให้ได้
2. ขอแค่สักคนที่รักสินค้าและบริการของคุณจริงๆ
คนที่เชื่อในสินค้าของคุณจะมองมันเป็นหนทางในการบอก “ข่าวดี” เพราะถ้าไม่หลงรักสินค้าของคุณจนสุดหัวใจแล้ว คนนั้นก็ยากที่จะเชื่อมั่นในตัวสินค้าของคุณแล้วล่ะ
3. ปล่อยพวก “Hater” ไปซะ
คุณมีเวลาแค่ 10 นาทีที่จะทำให้คนเข้าใจและชอบสินค้าของคุณไม่งั้นเขาจะไม่เข้าใจและเดินหนีไปเลย ถ้าเกิน 10 นาทีแล้ว คุณปล่อยเขาไปเถอะ เพราะคุณจูงใจคนที่มีคำตอบอยู่แล้วยาก “คุณเถียงกับคนที่มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วไม่ชนะหรอก” คุณเอาเวลาไปจูงใจคนที่ไม่มีสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของเขาดีกว่า
4. หาความเจ็บปวดของลูกค้าก่อนเสมอ
ต่อให้คุณพร่ำบอกว่าสินค้าของคุณจะมาเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการ ลูกค้าของคุณก็ไม่สนหรอก เอาเวลาไปพัฒนาสินค้ารักษาความเจ็บปวดของลูกค้าให้หายดีกว่า ไม่ใช่แค่บรรเทา แต่ต้องหายขาด สินค้าของเราไม่ใช่แค่ “มีก็ดี” แต่ต้อง “ไม่มีไม่ได้”
5. ให้คนที่รักสินค้าของเราได้สาธิตมัน
ให้คนที่ได้ดูได้ตื่นเต้นกับการสาธิต อยากให้คนที่ดูได้รักสินค้าเมหือนที่คนสาธิตได้รัก ไม่งั้นก็ไล่ให้คนสาธิตไปเป็นพนักงานขายไม่ก็นักการตลาดเถอะ
6. หน้าที่ตำแหน่งชื่อเสียงไม่สำคัญ
คนที่รักในสินค้าของเราไม่จำเป็นต้องตรงดิ่งเข้าไปหาดารา นักการเมือง หรือคนที่มีชื่อเสียงหรอก แต่ต้องเข้าไปหาคนที่เต็มใจช่วยเราและพร้อมเข้าใจสินค้าของเราจริงๆ
7. อย่าโกหก
เพราะยิ่งโกหก คุณก็ต้องมานั่งจำสิ่งที่ตัวเองโกหกไว้ ถ้าบอกความจริงตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมานั่งจำคำโกหกของตัวเอง ไม่รู้บอกไม่รู้ ไม่ต้องโกหกเพื่อหลอกตัวเองและคนอื่นว่ารู้ดี
8. จดจำเพื่อนของคุณไว้
เป็นมิตรกับทุกคนที่เข้ามาหาเรา เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้เจอคนๆนั้นอีกเมื่อไร่ หากเราประสบความสำเร็จในการขายสินค้า อย่าเพิ่งลืมเพื่อนๆ เพราะเราไม่รู้ว่าเราต้องการคนพวกนั้นอีกเมื่อไหร่? คนที่อาจจะซื้อ Macintosh อาจจะเป็นเจ้าของ Apple II คนที่อาจจะซื้อ iPod ก็อาจจะเป็นเจ้าของ Macintosh คนที่อาจจะซื้อ iPhone อาจจะเป็นเจ้าของ iPod ก็ได้ ใครจะไปรู้
9. ให้ของพรีเมี่ยม
แทนที่จะให้เงินหรือรางวัลดีเด่ากับคนที่รักสินค้าของเรา ให้สินค้าพรีเมี่ยมหรือของที่ระลึกติดโลโก้แบรนด์ ดีกว่า ของพรีเมี่ยมไม่จำเป็นต้องราคาแพง แต่ของพวกนี้จะอยู่กับคนที่รักสินค้าของเราแน่นอน
จำไว้ว่าเราต้องทำให้คนเชื่อในสินค้าและบริการของเราให้ได้ โดยไม่ต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้น คุณมีสินค้าดีอยู่แล้ว ไม่ต้องจ่ายเงินให้คนมาใช้สินค้าของเราหรอก
แหล่งที่มา
The Art of Evangelism จากหนังสือ Reality Check โดย Guy Kawasaki