การเฟ้นหาและรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้กับองค์กรเป็นหนึ่งในเรื่องท้าทายอันดับต้นๆของเอเจนซี่โฆษณา เพราะ resource สำคัญของเอเจนซี่โฆษณาคือ ‘คน’ พนักงานที่มีความสามารถจะช่วยขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างดีเยี่ยม และเอเจนซี่โฆษณาหลายแห่งกำลังต่อสู้กับปัญหาที่ยากยิ่ง ในการเฟ้นหาและรักษาคนเก่งเอาไว้กับบริษัท ไม่เพียงแค่สูญเสียคนเก่งให้กับเอเจนซี่คู่แข่ง แต่รวมไปถึงสูญเสียให้อุตสาหกรรมอื่นๆด้วย (other industry) โดยเฉพาะในตำแหน่งงานสาย Strategy (วางแผนกลยุทธ์) เป็นกลุ่มที่มีการโยกย้ายงานกันสูงเป็นอันดับต้นๆ จากการสำรวจโดย LinkedIn (global) ในปี 2015 แวดวงเอเจนซี่โฆษณาสูญเสีย คนเก่งสาย Strategy ให้แก่อุตสาหกรรมคู่แข่งไปถึง 25%
“กลยุทธ์ที่เฉียบแหลมเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ทีมเอเจนซี่สามารถครีเอทแคมเปญที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และแก้ปัญหาได้ตรงจุด” Nancy Hill – President and CEO, 4A’s (American Association of Advertising Agencies)
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2016 4A’s ได้วิเคราะห์และเปิดเผยงานวิจัยจาก LinkedIn ในหัวข้อ “The Truth About Strategy Talent” ซึ่งวิเคราะห์เกี่ยวกับ ‘กลุ่มคนหัวกะทิสาย Strategy หรือ Startegy Talent’ ในแวดวงเอเจนซี่โฆษณา ได้แก่ planner, creative strategist, digital strategist เป็นต้น โดยงานวิจัยดังกล่าวได้เคาะออกมาแล้วว่า พนักงานที่มีศักยภาพในกลุ่มงานสายนี้มีเปอร์เซ็นในการโยกย้ายงานสูงเป็นอันดับต้นๆ ไม่ใช่แค่ย้ายข้ามบริษัทโฆษณา แต่ย้ายไปในอุตสากรรมอื่นๆด้วย
งานวิจัย “The Truth About Strategy Talent” เผยว่า Strategist หรือ คนกำหนดกลยุทธ์ จะมีรูปแบบการทำงานแบบ career-driven หมายถึง โพรเซสงานของคนกลุ่มนี้จะโฟกัสไปที่คุณค่าของวัตถุประสงค์ และผลสำเร็จของแคมเปญ, วิเคราะห์ภาพรวมและอินไซด์เพื่อกำหนดทิศทางการสื่อสาร รวมถึงหาโอกาสในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อผลักดันแคมเปญ เป็นรูปแบบการทำงานที่เอื้ออำนวยให้เกิดสถานการณ์พบเจอโอกาสใหม่ๆ ความท้าทายใหม่ๆ และแน่นอนว่านำไปสู่โอกาสเปลี่ยนงานไปยังสาขาใหม่ๆด้วย เพราะโดยธรรมชาติแล้ว Strategist ที่มีศักยภาพ จะมีพฤติกรรมที่ชอบสังเกต วิเคราะห์ และสงสัยใครรู้ในสิ่งใหม่ๆ (อิงตามงานวิจัยจาก LinkedIn)
“อย่างแรกที่ฉันคิดเกี่ยวกับประเด็นนี้คือ พวกแพลนเนอร์เก่งๆ มักจะมีธรรมชาติของความสงสัยใคร่รู้ และข้อเท็จจริงในงานวิจัยที่กล่าวว่าพนักงานกลุ่มนี้ตอบสนองต่อโอกาสในงานใหม่ๆ มากกว่าคนแผนกอื่นๆในเอเจนซี่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์อะไรเลย จริงๆมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจด้วยซ้ำ” Nancy Hill – President and CEO, 4A’s (American Association of Advertising Agencies)
มี Strategic planner ในอัตราน้อยกว่า 30% ที่พึงพอใจกับตำแหน่งงานในปัจจุบันของตัวเอง, 28% จากจำนวนกลุ่มตัวอย่างกล่าวว่า พวกเขาไม่คิดว่าตัวเองจะทำงานอยู่ในสายงานเดิมต่อในปีหน้า และอีก 40% มีแนวโน้มจะเปลี่ยนงานภายใน 6 เดือน, 92% กล่าวว่าพวกเขาสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสายงานใหม่ๆ, 43% มีแนวโน้มที่จะตอบรับข้อความรับสมัครงานจากบริษัทอื่น ที่เสนอโอกาสดีในสายงานใหม่ๆ
LinkedIn รวบรวมข้อมูลในการทำวิจัยครั้งนี้ผ่าน การสำรวจจาก “Job Switchers” และ “Talent Trends” หน่วยวิจัยที่มุ่งสำรวจในด้านวิชาชีพโดยเฉพาะ สมทบด้วยข้อมูลด้านพฤติกรรมจากสมาชิกใน LinkedIn ที่อัพเดทล่าสุดในเดือน ก.พ. 2016
“แวดวงเอเจนซี่โฆษณากำลังต่อสู้กับความยากในการรักษา ‘คนเก่ง’ ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ตามผลวิจัยได้พูดถึงอุปสรรคของการรักษา Strategist เก่งๆ ไว้กับองค์กร ที่นอกจากปัญหาเรื่องเงินเดือน, งานขาดความท้าทาย, และการมองข้ามเรื่องการโปรโมทตำแหน่ง ตัวแปรสำคัญคือเอเจนซี่ ตัวเอเจนซี่เองนั้นมีความเกี่ยวโยงอย่างมากกับปัญหาข้างต้น องค์กรต้องโฟกัสปัญหาและให้เวลาในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง มันไม่ได้ยากเพียงแต่องค์กรต้องให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยน เพื่อรักษาคนเก่งไว้” Jann Schwarz – global director of agency and channel development, LinkedIn
แต่อย่างไรก็ดีงานวิจัย “The Truth About Strategy Talent” ก็ได้เผยตัวเลขของกลุ่ม Strategist ที่ยังต้องการถูกโปรโมทตำแหน่งในสายงานเดิมแทนที่จะเปลี่ยนงาน กลุ่มนี้มีสัดส่วนอยู่ 35% ตัวเลขนี้ยังถือเป็นโอกาสอันดีต่อแวดวงเอเจนซี่โฆษณาในการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานภายในบริษัทเพื่อรักษาคนเก่งไว้ การรักษาคนเก่งไว้กับองค์กรยังคงเป็นโอกาสที่ดีกว่าเฟ้นหาผู้สมัครหน้าใหม่มาเติมทีมให้ครบ
ยังคงพอมีเวลาให้เอเจนซี่โฆษณาหาสาเหตุของการ turn over หรือการโยกย้ายงานที่เกิดขึ้นถี่มากในระยะหลัง โฟกัสและให้น้ำหนักกับการแก้ไขปัญหาเพื่อรักษา ‘คนเก่ง’ เอาไว้ เพราะเอเจนซี่โฆษณาเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยศักยภาพของ ‘คน’
Reference: 4A’s