อีกข่าวช็อควงการธุรกิจเมืองไทย กับการประกาศทุ่มเม็ดเงินหมื่นล้านของกลุ่ม รพ.กรุงเทพ เข้าซื้อกิจการโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ รวมที่ดินสิ่งปลูกสร้าง โดยหวังจะพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพครบวงจรแห่งแรกในเอเชียผลักดันเป็นเมดิคัลฮับ ทำให้โรงแรมปาร์คนายเลิศประกาศปิดตัวลง โดยผู้บริหารโรงแรมตัดสินใจเขียนแจ้งแก่พนักงานขอบคุณในการทำงานที่ผ่านมาด้วยลายมือตัวเอง!
สำหรับงบฯ ที่เข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ของกลุ่ม รพ.กรุงเทพ เป็นเงินสูงถึง 10,800 ล้านบาท พร้อมกับอนุมัติงบฯ อีก 2,000 ล้าน ใช้ในการปรับปรุงทรัพย์สินเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจจึงรวมเป็นมูลค่ารายการทั้งสิ้นประมาณ 12,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา นางนฤมล น้อยอ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2559 มีมติอนุมัติให้บริษัทและ/หรือบริษัทย่อย เข้าทำรายการซื้อที่ดินบริเวณโครงการ ปาร์คนายเลิศ
สำหรับโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ที่เลขที่ 2 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จำนวนเนื้อที่รวมประมาณ 15 ไร่ และสิ่งปลูกสร้างซึ่งประกอบด้วย อาคารโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ อาคาร Promenade และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าวจากผู้ขาย คือ นางสัณหพิศ สมบัติศิริ และนางพิไลพรรณ สมบัติศิริ เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์สุขภาพแบบควรวงจร BDMS Wellness Clinic
ทั้งนี้ผู้จะขายไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกับบริษัท โดยการเข้าทำรายการดังกล่าว เข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งทรัพย์สินประเภทที่ 2 กล่าวคือ เป็นรายการที่มีมูลค่าเท่ากับ 15% หรือสูงกว่า แต่ต่ำกว่า 50% ตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไป ซึ่งทรัพย์สินและประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฎิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ.2547
ดังนั้น บริษัท จึงมีหน้าที่ต้องเปิดเผยสารสนเทศการทำรายการของบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และจัดส่งหนังสือเวียนแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบภายใน 21 วัน นับแต่วันแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% ภายใต้ชื่อ บริษัท บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก จำกัด มีทุนจดทะเบียน 6,400 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อและรับโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อดำเนินโครงการ BDMS Wellness Clinic
สำหรับการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จากผู้จะขายดังกล่าว มีค่าตอบแทนทั้งสิ้นประมาณ 10,800 ล้านบาท และภายหลังจากที่รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้จะขายแล้ว บริษัท กำหนดงบประมาณลงทุนและปรับปรุงทรัพย์สินเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ BDMS Wellness Clinic ไว้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่ารายการทั้งสิ้นประมาณ 12,800 ล้านบาท
ด้านความเคลื่อนไหวของ โรงแรมปาร์คนายเลิศ มีรายงานว่า น.ส.ณพาภรณ์ โพธิรัตนัง กรรมการผู้จัดการ บริษัทโรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด ได้แจ้งต่อพนักงานโดยการเขียนด้วยลายมือตัวเอง มีใจความว่า บริษัทมีความจำเป็นต้องหยุดดำเนินงานกิจการโรงแรมปาร์คนายเลิศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งผู้บริหารจะรับผิดชอบค่าชดเชยตามอัตราที่กฎหมายกำหนดพร้อมโบนัสอีก 1 เดือน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความร่วมมือจาก บริษัท Accor ซึ่งเป็นเจ้าของ Swissotel จะรับพิจารณาพนักงานที่สนใจเข้าสมัครงาน โรงแรงในเครือ Accor ต่อไป
“ถึงพนักงานปาร์คนายเลิศทุกคน เล็ก ในฐานะกรรมการผู้จัดการและลูกหลานของปาร์คนายเลิศ ขอเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้น คณะกรรมการ ผู้บริหารและครอบครัว แจ้งข่าวสำคัญให้พนักงานทุกคนทราบ
หลายๆ คนทำงานที่นี่มาตั้งแต่วันแรกที่โรงแรมเปิด มีโอกาสได้รู้จัก ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ ซึ่งท่านเป็นผู้ก่อตั้งโรงแรมปาร์คนายเลิศแห่งนี้ หลายๆ คนทำงานในช่วงเวลาที่ คุณพิไลพรรณ สมบัติศิริ เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือบางคนเพิ่งเข้ามาทำงานในช่วงหลัง แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม ตลอด 36 ปี ของโรงแรมปาร์คนายเลิศ พวกเราผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาด้วยกัน ทั้งเรื่อง ทุกข์และสุข เรื่องง่ายและยาก เราก็สามารถผ่านมาด้วยกันแล้วทุกครั้ง
แต่ทุกวันนี้สถานการณ์ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูงมาก โรงแรมใหม่ๆ เปิดทั่วทุกมุมถนน คณะผู้บริหารทุกท่านต่างอดทนและทำงานหนัก เพื่อประคับประคองสถานการณ์ เพื่อความอยู่รอดของโรงแรมมาโดยตลอด แต่สุดท้าย ทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
วันนี้ เล็ก จึงขอเป็นตัวแทนแจ้งให้พนักงานทุกคนทราบว่า เรามีความจำเป็นที่ต้องหยุดดำเนินกิจการโรงแรมปาร์ค นายเลิศ อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งผู้บริหารจะรับผิดชอบค่าชดเชยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมโบนัสอีก 1 เดือน สำหรับพนักงานที่มีสิทธิได้รับโบนัสตามกฎของบริษัท และสินน้ำใจจากครอบครัวอีกจำนวนหนึ่งให้กับพนักงาน
นอกจากนั้น เรายังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบริษัท ACCOR ซึ่งขณะนี้เป็นเจ้าของ SWISSOTEL หรือ FRHI แล้ว ทางบริษัท ACCOR จะรับพิจารณาพนักงานที่สนใจเข้าสมัครงาน ณ โรงแรมในเครือ ACCOR ต่อไป หากมีคำถามหรือข้อสงสัย เล็ก ขอให้ติดต่อที่ฝ่ายบุคคลเพื่อข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป
เล็ก ขอความร่วมมือจากทุกคนให้ช่วยกันทำงานในหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดจนวันสุดท้าย เล็ก ขอขอบคุณพนักงานทุกคน จากใจ ที่ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจมาโดยตลอด ถ้าไม่มีพวกเรา ปาร์คนายเลิศ จะไม่สามารถยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ และสุดท้ายเล็กขอฝากปาร์คนายเลิศให้อยู่ในหัวใจและความทรงจำที่ดีของทุกคนตลอดไป”
โรงแรมนายเลิศปาร์ค หรือโรงแรมสวิสโซเทล ปาร์คนายเลิศ ก่อตั้งโดย “พระยาภักดีนรเศรษฐ” หรือ “เลิศ เศรษฐบุตร” ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญและโรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ รวมทั้งเปิดบริการรถเมล์นายเลิศ หรือรถเมล์ขาว เมื่อปีพ.ศ. 2428 และเป็นญาติผู้พี่ของพระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) และนายสวัสดิ์ เศรษฐบุตร (บิดาของสอ เสถบุตร)
ต่อมา “ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ” บุตรของพระยาภักดีนรเศรษฐ เข้ามาสานต่อกิจการ โดยเคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516 และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาล “นายธานินทร์ กรัยวิเชียร” เมื่อปี พ.ศ.2519 นับว่าเป็นรัฐมนตรีหญิงสองคนแรกของประเทศไทย โดย “ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ” สมรสกับ “นายพินิจ สมบัติศิริ” บุตรพระยาศรีเสนา (ศรีเสนา สมบัติศิริ) และคุณหญิงถวิล มีธิดา 2 คน คือ นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ และนางสัณหพิศ สมบัติศิริ ก่อนที่ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ จะถึงแก่อนิจกรรมเมื่อเช้าวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ด้วยโรคปอดอักเสบ ณ โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุรวม 91 ปี
ขอบคุณภาพจาก
www.prachachat.net
www.hoteltravel.com
www.posttoday.com