Ensogo เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่นำเสนอดีลสินค้าและบริการในราคาพิเศษ ก่อนหน้านี้เคยได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ใช้ในภูมิภาค SEAsia รวมถึงประเทศไทย แต่มาวันนี้ดูเหมือนจะงานเข้าซะแล้ว เพราะแทนที่จะสร้างยอดขายให้กับผู้ประกอบการได้ กลับถูกร้องเรียนว่าไม่จ่ายเงินค่าสินค้า
Tech in Asia รายงานว่า Woon Kam Loong พ่อค้าขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกและเครื่องใช้ในบ้านจากมาเลเซีย ซึ่งจำหน่ายสินค้าบน Ensogo บอกว่า เขาขายสินค้าเป็นเงิน 452 ดอลลาร์ แต่ Ensogo ไม่จ่ายเงินให้เขาแม้แต่เหรียญเดียวหลังจากเลยกำหนดชำระเงิน ซึ่งตามปกติจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน และยังมีพ่อค้าอีกอย่างน้อย 6 คนที่ไม่ได้รับเงินเช่นเดียวกัน แม้จะพยายามติดต่อไปทั้งทางโทรศัพท์และอีเมล แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ ซึ่งหลังจากเดินทางไปที่สำนักงาน Ensogo ในกัวลาลัมเปอร์ พบว่าสำนักงานถูกปิดโดยไม่มีการแจ้งผู้ซื้อ-ผู้ขายบนเว็บไซต์ล่วงหน้า มีเพียงป้ายประกาศว่าย้ายสำนักงานกลับสิงคโปร์
ขณะที่ Law Wei Hong พ่อค้าขายอุปกรณ์กีฬา เป็นพ่อค้าอีกรายที่ไม่ได้รับเงินยอดขายกว่า 5,334 ดอลลาร์
โดย Ensogo ไม่ชำระเงินตามกำหนดในสัญญา หลังจากเข้าร่วมกับ Ensogo เมื่อมีนาคมที่ผ่านมานี้
Yeo Chun Kiat พ่อค้าอีกรายหนึ่ง ได้อีเมลถึงทีม Ensogo วันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา แจ้งขอถอนเงินจากการขายสินค้าตั้งแต่วันที่ 6 เมษายนเป็นจำนวน 7,122 ดอลลาร์ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว แต่ยังมีคำตอบจากทีมงานว่า
“ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างในลักษณะ Centralize เพื่อพัฒนาแพล็ตฟอร์มใหม่ จึงต้องยกเลิกช่องทางการติดต่อชั่วคราว และยืนยันว่าให้ความสำคัญกับการเบิกเงินของผู้ประกอบการ แต่ยังไม่สามารถให้กำหนดเวลาที่แน่นอนได้”
ผู้ประกอบการในมาเลเซียหลายรายยืนยันว่า ไม่ว่า Ensogo จะยังอยู่ในมาเลเซียต่อไปหรือไม่ แต่พ่อค้ากลุ่มนี้ได้เสียความเชื่อถือ และจะไม่ขายสินค้าและบริการใดผ่าน Ensogo อีก
สำหรับร้านค้าที่ขายสินค้าออนไลน์ หากผู้ให้บริการ Marketplace ชำระเงินล่าช้า อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพคล่องทางการเงิน ตามปกติอาจต้องรอประมาณสัปดาห์หรือเดือนเพื่อรับชำระเงิน หลังจากจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าไปแล้ว แต่กรณีของ Ensogo ดูจะร้ายแรงกว่านั้น โดยมีความเป็นไปได้ที่ Ensogo จะมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน โดยดูจากบัญชีงบดุลของบริษัท ทั้งที่ Ensogo เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย มีมูลค่าบริษัทกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์
เรื่องดังกล่าวถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักต่อธุรกิจออนไลน์ รวมถึงธุรกิจ Startup ที่ไม่สามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น
Source: Tech in Asia
