e-Commerce ประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีร้านค้าออนไลน์เกิดใหม่เป็นจำนวนไม่น้อย และนักช้อปออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเทียบกับทั้ง จำนวนร้านค้าและนักช้อปในธุรกิจค้าปลีกแบบเดิม ยังถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยมาก ดังนั้นการส่งเสริมให้เกิดร้านค้าใหม่และนักช้อปใหม่เข้ามาในตลาดมากๆ คือโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับ e-Commerce ดังนั้น WearYouWant ในฐานะร้านค้าออนไลน์ จึงได้คิด 5 ขั้นตอน ที่จะช่วยให้นักช้อป ปลอดภัย กับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น โดยมีขั้นตอนดังนั้น
1) ตรวจสอบข้อมูลสำหรับการติดต่อ – ร้านค้าออนไลน์อาจจะไม่มีหน้าร้าน แต่ช่องทางการติดต่อต้องชัดเจน ต้องมีการระบุที่อยู่จดทะเบียน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไม่เช่นนั้นควรระมัดระวังในการตัดสินใจซื้อ
2) ตรวจสอบภาษาที่ใช้และการสะกดคำผิด – มีการตรวจพบว่าเว็บ e-Commerce ที่สะกดคำผิด หรือสะกดคำแปลกๆ มีแนวโน้มเป็นเว็บไม่ถูกกฎหมาย อาจเป็นเว็บที่สร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้เครื่องมือแปลภาษาช่วย ซึ่งหากเห็นสิ่งผิดซึ่งปกติเหล่านี้ อาจตรวจสอบเพิ่มเติมที่ช่อง “About us” ซึ่งจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขาย หรือดูเงื่อนไขการซื้อและการจัดส่งให้ละเอียด
3) ตรวจสอบมาตรฐานชำระเงิน – e-Commerce ที่รับชำระเงินออนไลน์ ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น PCI และ Norton ซึ่งต้องมี Logo ที่คมชัด คลิกแล้วเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ของผู้รับรอง หากมีลักษณะที่ผิดไปจากนี้ ควรระมัดระวังก่อนกรอกข้อมูลบัตรเครดิต
4) ตรวจสอบชื่อบริษัทผ่าน Google – พิมพ์ชื่อบริษัทหรือร้านออนไลน์ไปใน Google ได้เลย จะพบรายละเอียดบริษัท ประวัติการซื้อขายที่ผ่านม การรีวิวสินค้า การลงโฆษณา และข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ล่วนเป็นสิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจว่าควรซื้อกับร้านนี้หรือไม่
5) เชื่อในสัญชาตญาณ – นอกจาก 4 ข้อที่ว่ามา ที่ต้องผ่านทั้งหมดแล้ว ปราการด่านสุดท้ายคือ สัญชาตญาณ ความเป็นเหตุเป็นผล ประสบการณ์ ช่วยในการตัดสินใจได้ว่าเว็บไซต์นี้จริงหรือปลอม นักช้อปออนไลน์ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ถ้ามีข้อเสนอที่ดีเกินไป ราคาที่ถูกหรือแพง ไม่สัมพันธ์กับแบรนด์สินค้า หรือแม้แต่สินค้าที่หาได้ยาก ถ้าสัญชาตญาณบอกให้ระวัง จงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง