เป็นข่าวฮือฮาที่ไม่เฉพาะแค่ในวงการสื่อมวลชน แต่ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปและคนในหลายวงการอาชีพ จากกรณีที่ นายสุรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ถูกศาลอาญาตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และปรับเงินอีก 8 หมื่นบาท ในความผิดฐานไม่ชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวได้ โดยใช้หลักทรัพย์ 2 ล้านบาท เพื่อไปสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
กับข่าวคราวที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบแค่ในแง่จริยธรรมของสื่อมวลชน แต่ยังส่งผลในวงกว้างถึงภาคธุรกิจต่างๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทห้างร้านที่เคยเทงบฯ โฆษณาในรายการของผู้ประกาศข่าวชื่อดังรายนี้ แต่ดูเหมือนท่าทั้งจากเอเจนซี่และแบรนด์ต่างก็ถกเถียงถึงความเหมาะสมว่าควรจะให้การสนับสนุนรายการนี้ต่อไปหรือไม่
ลองมาดู timeline ทางฝั่งเอเจนซี่และผู้ประกอบการกันว่าบริษัทไหนแสดงท่าทีอะไรอย่างไรกันบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่เขาจะประกาศยุติบทบาท
1 มีนาคม
นางวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทางสมาคมได้มีการประชุมร่วมกัน ซึ่งทางสมาคมได้สนับสนุนหลักธรรมาภิบาล แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าจะซื้อหรือไม่ซื้อโฆษณา และเป็นสิทธิ์ของช่อง 3 ที่จะถอดผู้ดำเนินรายการหรือไม่ และอยู่ที่การปรับผังว่าจะทำให้ลูกค้าซื้อโฆษณาหรือไม่ ซึ่งทางสมาคมกำลังอยู่ในช่วงประเมินว่า กระแสสังคมจะกดดันมากน้อยแค่ไหน ลูกค้ามีท่าทีอย่างไร และลูกค้าก็เริ่มไถ่ถามกันบ้างแล้ว
“ตอนนี้บางกลุ่มได้แจ้งถอนโฆษณาแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทอินเตอร์และกลุ่มสินค้าธนาคาร ทั้งที่โฆษณาที่อยู่ในช่วงของนายสรยุทธนั้นถือว่ามีมูลค่าสูง อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมอยู่ระหว่างการร่างแถลงการณ์ และจะออกแถลงการณ์ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ โดยหลักการคือการสนับสนุนธรรมาภิบาล ส่วนลูกค้าจะยังคงซื้อโฆษณาหรือไม่นั้น จะไม่มีการก้าวก่าย แต่หากลูกค้าจะแจ้งยกเลิกโฆษณา จะต้องมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยที่การลงโฆษณากับช่อง 3 จะเป็นแบบเดือนต่อเดือน หากจะถอนโฆษณา ต้องถอนทั้งเดือนตามความต้องการของลูกค้า”
2 มีนาคม
แถลงการณ์จากสมาคมมีเดียเอเจนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย
“แถลงการณ์สมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย กรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา
จากกรณีที่ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาชี้ความผิดของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าวโทรทัศน์ ซึ่งได้ส่งผลให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ไปในวงกว้าง ตลอดจนมีกระแสเรียกร้องให้ระงับการซื้่อโฆษณาในรายการต่างๆ ที่นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกรอยู่นั้น
สมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย ในฐานะของสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพด้านวางแผน และซื้อสื่อโฆษณา ขอชี้แจงว่า ผู้ประกอบการมีเดียเอเยนซี่ที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ต่างมีจริยธรรม และหลักธรรมาภิบาลในการประกอบวิชาชีพเป็นสำคัญ ดังนั้นในการประกอบกิจการวางแผน และจัดซื้อสื่อโฆษณาให้แก่ผู้ประกอบการเจ้าของสินค้านั้น สมาชิกสมาคมฯ ไม่สามารถเป็นผู้ชี้นำในการลงโฆษณา หากแต่อาศัยหลักความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสำคัญ โดยที่ผ่านมาสมาชิกฯ จะใช้ข้อมูลจำนวนผู้ชมโทรทัศน์ หรือ เรทติ้ง เป็นเกณฑ์ ในการพิจารณาเลือกรายการต่างๆ ในแต่ละเดือน ดังนั้นการจะระงับหรือซื้อโฆษณาในรายการต่างๆ หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาด้วยหลักเกณฑ์นี้เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ตามหลักการดำเนินการของมีเดียเอเยนซี่ทุกราย โดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้วหากผู้ประกอบการเจ้าของสินค้ารายใดมีความประสงค์ที่ไม่ต้องการลงโฆษณาในรายการใดก็ตาม จะต้องมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งบริษัทมีเดียเอเยนซี่จะนำเสนอทางเลือกอื่นทดแทนโดยคำนึงถึงความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้งบประมาณที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันเป็นสำคัญ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ ลงนามโดย นางวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย วันที่ 2 มีนาคม 2559″
3 มีนาคม
บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค)
ระบุว่า ขณะนี้ได้ระงับการเป็นสปอนเซอร์ให้กับรายการข่าวของบริษัทไร่ส้มที่ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกรทั้ง 3 รายการ ประกอบไปด้วย 1.รายการเรื่องเล่าเช้านี้ 2.รายการ เจาะข่าวเด่น และ 3.รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์
บริษัท โนเบิลดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ได้ถอนการลงโฆษณาทุกรายการด้วยเช่นกัน โดยนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย บุตรชาย ของนายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฯ และเจ้าของคีรีมายารีสอร์ต เขาใหญ่ ระบุว่า โนเบิล ถอนโฆษณาจาก ทุกรายการของ บ.ไร้ส้ม/สรยุทธ แล้ว โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่ซื้อโฆษณาจากช่อง 3 ต่อจนกว่า ช่อง 3 จะถอนนายสรยุทธ ออกจากการทำหน้าที่
บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)
โดย นายบุญชัย โชควัฒนา ปธ.กก.บริหารกล่าวว่า ได้ยกเลิกโฆษณาในรายการนายสรยุทธ นาน 2-3 ปีแล้ว ตามคำแนะนำของ ก.ล.ต. แต่ไม่ได้ถอนการลงโฆษณากับช่อง 3 ยังคงซื้อเวลาโฆษณาในรายการอื่นๆ ปกติ และไม่มีแผนซื้อโฆษณาในอนาคตเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2555 สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือให้บริษัทจดทะเบียนพิจารณาอย่างรอบคอบ และใช้ความระมัดระวัง ในการทำธุรกิจกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตคอรัปชัน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชันในประเทศไทย และระบุถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดบริษัทไร่ส้ม และนายสรยุทธ ในปี 2555
ธนาคารออมสิน
ได้พิจารณาไม่ต่อสัญญาการซื้อช่วงเวลาโฆษณา ทั้งรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ และรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เนื่องจากต้องการบรรทัดฐานของธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้น
เมืองไทยประกันชีวิต
โดย นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิตเริ่มถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนโฆษณาในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.59 เป็นต้นไป เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จึงต้องการร่วมแสดงจุดยืนร่วมกับองค์กร ประกอบกับบริษัทมีนโยบายให้ความสำคัญกับหลักธรรมาภิบาลจึงพิจารณาการให้โฆษณาที่สอดคล้องกับนโยบายบริษัท และหลังจากนี้หากมีการเข้าเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมหรือรายการใด ก็จะพิจารณาในเรื่องจริยธรรมและหลักธรรมาภิบาลอย่างเข้มงวดด้วย
ไทยประกันชีวิต
โดย นางดวงเดือน คงคาสวัสดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ไทยประกันชีวิต ได้ตัดสินใจถอดการเป็นผู้สนับสนุนโฆษณาวีทีอาร์ ช่วงเจาะข่าวเด่น ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ของบริษัทไร่ส้มไปแล้วเช่นกัน
16.36 น. วันที่ 3 มีนาคม
โพสต์ยุติการทำหน้าที่
เม็ดเงิน
รายการ ที่นี่ Thai PBS ได้นำเสนออัตราค่าเช่าโฆษณาช่วงรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่จัดให้กับสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดังนี้
- รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 06.00-09.30 น. มีอัตราค่าเช่าโฆษณา นาทีละ 2.2 แสนบาท
- รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 15.55-17.30 น. มีอัตราค่าเช่าโฆษณา นาทีละ 2.2 แสนบาท
- รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา 10.30-12.15 น. มีอัตราค่าเช่าโฆษณา นาทีละ 2.9 แสนบาท
สำนักข่าวอิศรา นำเสนอบทความชื่อ “ก่อนเผชิญวิบากกรรม! ‘สรยุทธ’ 4.6 พันล้าน” โดยระบุว่า
- บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จดทะเบียนวันที่ 9 ตุลาคม 2546 ทุน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 264 ซอยลาดพร้าว 130 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร นายสรยุทธ ถือหุ้น 80 % ปี 2557 รายได้ 106,007,189.23 บาท กำไรสุทธิ 63,492,653.31 บาท
- บริษัท ไร่ส้ม จำกัด จดทะเบียนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่เดียวกัน นายสรยุทธ ถือหุ้น 99.98% ปี 2557 รายได้ 625,072,272.78 บาท กำไรสุทธิ 304,552,903.84 บาท
ดังนั้น ในปี 2557 บริษัทของนายสรยุทธทั้ง 2 บริษัท ทำรายได้รวมกันเป็น 731,079,462.01 กำไรสุทธิ 368,045,557.15 บาท
นอกจากนี้ สำนักข่าวอิศรา ยังนำเสนอบทความเรื่อง “ก่อน‘สรยุทธ’เอฟเฟกต์ ‘บีอีซี-ช่อง 3’คว้าโฆษณาหน่วยงานรัฐ 13 แห่ง 361 ล.” โดยระบุว่า บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) มีรายได้จากโฆษณาหน่วยงานของรัฐ กว่า 361.9 ล้านบาท นับจากปี 2545 จนถึงปี 2556 โดย ปตท. และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เทเม็ดเงินมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ นายสรยุทธ ได้ประกาศยุติการทำหน้าที่พิธีกรของช่อง 3 แล้ว จากนี้ไปคงต้องติดตามดูว่า ท่าทีจากบริษัทและองค์กรต่างๆ ที่ได้ประกาศยกเลิกการให้การสนับสนุนรายการไปนั้น ยังจะกลับมาเป็นสปอนเซอร์ให้อีกเหมือนเดิมหรือไม่ หรือจะยังมีหน่วยงานอื่นๆ ถอนตัวเพิ่มอีกหรือไม่อย่างไร
ขอบคุณบทความจาก
สำนักข่าวอิศรา และภาพจาก ครอบครัวข่าว 3