แอมดอกซ์ ผู้ให้บริการด้านระบบบริการลูกค้าชั้นนำ เผยผลวิจัยล่าสุดที่ชี้ให้เห็นว่า ผู้ให้บริการทางโทรคมนาคมควรเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการสื่อสารแบบไร้สาย (Radio Access Network หรือ RAN) เพื่อรองรับความต้องการทางด้านดาต้าของทั่วโลกที่สูงขึ้นกว่าสองเท่า และความต้องการทางด้านเครือข่ายที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น รวมไปถึงอุปสงค์สำหรับการรับชมวิดีโอผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และบริการใหม่อย่าง Voice over LTE (VoLTE) หรือการโทรศัพท์ผ่านระบบ LTE บนมือถือ ซึ่งยังต้องการความเสถียรอีกมาก การวิจัยในครั้งนี้ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากการเชื่อมต่อโทรศัพท์และดาต้ากว่า 25 ล้านการเชื่อมต่อ จากผู้ให้บริการทางโทรคมนาคมกว่า 80 เครือข่ายทั่วโลกในรอบ 12 เดือน
ประเด็นสำคัญของรายงาน:
• พบปัญหาสายหลุดในการโทรศัพท์ผ่านระบบ LTE (VoLTE) มากกว่าระบบ 2G และ 3G สูงถึง 4 – 5 เท่า: VoLTE เป็นกลยุทธ์หลักสำหรับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม เนื่องจากเป็นตัวช่วยในการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) และค่าใช้จ่ายทุน (CAPEX) โดยจุดประสงค์คือการมาแทนที่บริการ 2G และ 3G อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยเผยว่า VoLTE นั้นมีแนวโน้มว่าจะมีความเสถียรน้อยกว่าระบบก่อนหน้า ทำให้ผู้ให้บริการทางโทรคมนาคมต้องแก้ไขพัฒนาเครือข่ายอย่างหนักหน่วง
• ความต้องการทางด้านดาต้าเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี: ผลวิจัยแสดงให้เห็นว่าปริมาณการใช้ดาต้าจากทั่วโลกนั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 60 เปอร์เซนต์ต่อปี โดยเฉพาะปริมาณการรับชมวิดีโอเพื่อความบันเทิงผ่านดีไวซ์ต่างๆ ในปัจจุบัน มีผู้ใช้งานเพียง 5 – 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่แบ่งการใช้งานดาต้าจากอินเตอร์เน็ตมือถือไปยัง Wi-Fi รายงานล่าสุดจากแอมดอกซ์ยังเผยอีกว่า ผู้ให้บริการทางโทรคมนาคมควรแบ่งการใช้งานจากเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปยังระบบ Wi-Fi เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
• 75 เปอร์เซ็นต์ของการใช้งานเครือข่ายในเมืองใหญ่ มาจากการใช้งานภายในตึก: ในช่วงเวลาแออัดของเครือข่าย ผู้ใช้งานภายในตึกมักเผชิญหน้ากับปัญหาทางด้านเน็ตเวิร์กมากกว่าผู้ใช้งานกลางแจ้งถึง 25 เปอร์เช็นต์ หากผู้ให้บริการทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้ อาทิ ระยะครอบคลุมของเครือข่าย และควบคุมการใช้งานที่เกินขีดจำกัด พวกเขาจะสามารถกำหนดเป้าหมายสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายในพื้นที่ที่มีปัญหาเหล่านี้ และส่งมอบประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายที่มีคุณภาพได้
• งานแสดงคอนเสิร์ตและการแข่งขันกีฬา มีระบบนิเวศทางด้านดาต้าเป็นของตัวเอง: เหล่าแอพพลิเคชั่นแชทต่างๆยังได้รับความนิยมสูงมากอย่างต่อเนื่อง โดย 70 เปอร์เช็นต์ของผู้เข้าร่วมงานแสดงคอนเสิร์ตหรือการแข่งขันกีฬาที่สนามนั้น ส่งข้อความอย่างน้อยหนึ่งครั้งระหว่างรับชม ทำให้การใช้งานเน็ตเวิร์กในบริเวณนั้นสูงขึ้นมากภายในเวลาสั้นๆ ดังนั้น ผู้ให้บริการจึงต้องจัดการเครือข่ายในบริเวณนั้นระหว่างการแสดงและการแข่งขัน เนื่องจากการใช้งานเน็ตเวิร์กอาจจะเพิ่มมากขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์เป็นต้น นี่ทำให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมงานสื่อสารกันผ่านอีเมล์, แชท และโซเชียลมีเดีย ในขณะเดียวกัน รายงานก็บ่งชี้ว่า ผู้ใช้ดาต้าโรมมิ่งระหว่างประเทศอัพโหลดดาต้ามากกว่าผู้ที่ไม่ใช้กว่า 50 เปอร์เซ็นต์
• ผู้ใช้ดาต้าโรมมิ่งระหว่างประเทศต้องเผชิญกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร: ถึงแม้ว่า ผู้ใช้ดาต้าโรมมิ่งระหว่างประเทศจะสร้างรายได้ให้กับผู้ให้บริการมากกว่าลูกค้าในประเทศ แต่พวกเขาอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาเครือข่ายมากกว่าลูกค้าในประเทศถึง 25 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่จะตระหนักถึงการสร้างรายได้ที่มากขึ้น โดยการแยกผู้ใช้ดาต้าโรมมิ่งระหว่างประเทศแบบรายบุคคล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันของพวกเขา รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ดีขึ้นในการดึงดูดผู้ใช้บริการ
แอน แฮทเชล หัวหน้าฝ่ายการตลาดสำหรับเน็ตเวิร์ก แอมดอกซ์ กล่าวว่า “การวิจัย State of the RAN ประจำปีของแอมดอกซ์ชี้ให้เห็นว่าเครือข่ายโทรคมนาคมกำลังถูกใช้งานอย่างหนัก ในโลกใหม่ของประสบการณ์ลูกค้าหรือ The New World of Customer ExperienceTM ผู้ให้บริการจะต้องส่งมอบประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายที่เหนือระดับ และทราบว่าการใช้งานบริเวณไหนสำคัญสำหรับช่วงเวลาใด โดยใช้ประโยชน์จากซอฟแวร์ RAN เพื่อประสิทธิภาพการดำเนินงานและเพิ่มความคล่องตัวทางด้านการบริการ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้พวกเขาเพิ่มคุณภาพของประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าในช่วงเวลาที่เครือข่ายถูกใช้งานเกินขีดจำกัด และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า”