Digital Marketing 2016 จากมุมมองของ CJ Worx บางสิ่งจะ Out หลายสิ่งจะหายไป

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

MKT OPPS_0132

ถ้านึกถึง Digital Creative Agency ที่โดดเด่นในประเทศไทย หนึ่งในนั้นต้องมี CJ Worx นำทีมโดย 2 ผู้บริหาร คุณจิณณ์ เผ่าประไพ หรือ จิณณ์ และ คุณสหรัฐ สวัสดิ์อธิคม หรือ ชายซึ่งเชี่ยวชาญในด้าน Digital Marketing และ Viral Marketing โดยมีผลงานที่เป็น Talk of the Town เป็นเครื่องพิสูจน์ และวันนี้ ทั้ง 2 คนจะมาเปิดมุมมองในฐานะคนโฆษณาว่า อะไรคือโอกาสและอุปสรรคในปี 2016

ต้องบอกว่า Marketingoops มีโอกาสไปนั่งคุยแบบเป็นกันเองกับ 2 ผู้บริหารแห่ง CJ Worx ได้เผยให้เห็นวิสัยทัศน์เกี่ยวกับวงการ Agency ของไทยว่าหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เราเคยคุ้นเคยและใช้งานกันอยู่นั้น มีหลายสิ่งที่ Out และหลายสิ่งจะค่อยๆถูกเลิกใช้ไป และยังพ่วงถึงแนวทางการอยู่รอดในวงการ Agency ที่น่าจะกระตุกเตือนใจใครหลายคนได้ดี ที่สำคัญต้องบอกว่า นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มถ้วยแรกเท่านั้น เร็วๆ นี้จะมีเนื้อหาแบบ Exclusive ตามมาอีกแน่นอน มาดูกันว่าผู้บริหาร CJ Worx มอง Digital Marketing ในปี 2016 นี้อย่างไร

ThinkstockPhotos-531442767

สิ่งที่ควรเลิกทำและจะค่อยๆ หายไป

1 Flash และ QR code

คุณชาย บอกว่า เลิกคิดถึง 2 เทคโนโลยีนี้ไปได้เลย สำหรับ Flash ที่ถูกยกเลิกพัฒนาและเลิกใช้งานไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป ส่วน QR code เป็นรูปแบบการเข้าถึงข้อมูลที่ยุ่งยากซับซ้อน อาจจะมีความนิยมที่ญี่ปุ่นบ้าง แต่สำหรับประเทศไทย นี่คือเทคโนโลยีที่คนไทยไม่ใช้

2 Augmented Reality หรือ AR

คุณจิณณ์ เห็นว่า AR เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ CJ Worx เชื่อว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ แม้ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเทคโนโลยีจะแพร่หลายมากขึ้น แต่คนไทยชอบอะไรที่เข้าใจง่าย ใช้งานง่าย ต่างจาก AR ที่เป็นการเพิ่มขั้นตอนการทำงาน เพราะต้องอธิบายวิธีการใช้งานให้ผู้บริโภค และจึงนำไปใช้งานจริงอีกที ถือว่ายุ่งยากและเสียเวลา

3 Instagram กับ ดารา

ปลายปีที่แล้วเกิดกรณีดราม่า IG กับดารา นักร้อง ชื่อดังหลายคนกับการถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนกลายเป็นข่าวดัง สรุปว่าต่อไปวิธีการนี้ อย่าได้ใช้อีก เพราะนอกจากใช้งบประมาณสูง วัดผลไม่ได้ ยังไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร เพราะทุกคนถือสินค้าเหมือนกันหมด ถ่ายรูปลง IG เหมือนกัน ซึ่งในมุมมอง Creative Agency มุ่งสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นและแตกต่างดีกว่า

4 SEO แบบเดิมๆ

ความพยายามทำ SEO ในเว็บไซต์ตัวเอง หรือการซื้อ keyword เป็นสิ่งที่ทุกคนทำเหมือนกัน มีบริการรับจ้างเขียนบนทความ SEO ด้วยดังนั้น SEO แบบเดิมๆ ก็จะเอาท์ไป Agency ต้องมุ่งทำ SEO บนเว็บโซเชียลและเว็บบอร์ดต่างๆ แทน รวมถึงต้องหาวิธีที่แตกต่าง เช่น การทำ Digital PR ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสตร์ใหม่ที่จะเกิดขึ้น

ThinkstockPhotos-526276141

ThinkstockPhotos-180317198

คุณจิณณ์ กล่าวว่า Agency ในปี 2016 ต้องห้ามอยู่กับที่ Agency ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจะอยู่รอด ถ้ายังทำแบบเดิม 2-3 ปีที่ผ่านมารับรองว่าไปไม่รอดแน่นอน และจะเห็น Traditional Agency ขยับเข้ามาสู่ Digital Agency มากขึ้นเรื่อยๆ จะเกิดโอกาสของ Digital Lead Agency มากขึ้น Brand จำนวนมากจะมีช่องทาง Online เพิ่มขึ้น นี่เป็นทั้งโอกาสและอุปกสรรคให้กับ Agency ที่ต้องปรับตัว และเติบโตในอุตสาหกรรมนี้

และแน่นอนว่า ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในปีนี้คือ การขาดแคลนบุคลากร โดยเฉพาะบุคลากรด้าน Digital นี่คือสิ่งที่ Agency ทุกรายต้องเจอ และจะเข้มข้นมากขึ้นเมื่อภาพรวมของอุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ความเป็น Digital มากขึ้น มี Brand ที่เห็นประโยชน์ของ Digital มากขึ้น ซึ่ง CJ Worx ก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน โดยไม่สามารถขยายงานได้เพราะข้อจำกัดด้านบุคลากร

ทั้งนี้ แม้จะมีสถาบันการศึกษาจำนวนหนึ่งที่พัฒนาบุคลากรด้านนี้ออกมา แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ และที่สำคัญเด็กที่จบใหม่นั้น ยังไม่ได้พร้อมทำงานในทันที ต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้ระยะเวลาหนึ่งด้วย

459937127

ขณะที่อีกอุปสรรคหนึ่ง คือ Brand ยังมีความเข้าใจเรื่อง Digital น้อยเกินไป

คุณชาย บอกว่า TVC สามารถบังคับให้คนดูได้ ถ้าไม่อยากเปลี่ยนช่อง แต่สำหรับ Digital จะทำอย่างไรให้คนอยากดู ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด ถ้านึกถึง Digital แล้วนึกถึง Banner บนเว็บไซต์ บอกเลยว่า คนจะหนี จะไม่มอง แต่หน้าที่ของ Agency คือ ทำอย่างไรให้คนอยากดู และอยากคลิกเข้ามา ไม่มีการบังคับ แต่ทำให้ผู้บริโภคอยากคลิกและอยากดูเอง นี่คือ โจทย์ ที่ Agency ต้องแก้ให้ออก

เป็นอีกหนึ่งมุมมอง ที่น่าสนใจจาก 2 หัวเรือใหญ่จาก CJ Worx และน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆ คนในวงการโฆษณา

Copyright © MarketingOops.com


  •  
  •  
  •  
  •  
  •