โฆษณาเซ็กซ์ๆในสื่อหลักมีมานานมากแล้ว
โฆษณาหลายตัวในช่วง ปี1990-2000 มีดีกรีความอีโรติกและร้อนแรงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านั้น แต่โฆษณา Dolce & Gabbanna ในปี 2007 พลุ่งพล่านไปไกลอย่างคาดไม่ถึงกับแคมเปญ “Ready to Wear” ที่โปรโมคคอลเลคชันด้วยซีนที่มองดูคล้ายกับการข่มขืน
งาน AXE
AXE เป็นแบรนด์ที่เราจะไม่พลาดในการยกเคส เพราะมีความชัดเจนในการทำโฆษณาที่ใช้ Sex Appeal ในการขายสินค้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะสินค้าเขาทำออกมาขายผู้ชาย แต่โฆษณาของ AXE หลายตัวถูกแบนทั้งในไทยและต่างประเทศ คลิปด้านล่างคือ รวมโฆษณา AXE ของเมืองนอกแบบเซ็นเซอร์ฉากสยิวเกินจินตนาการออกไปแล้ว เวอร์ชั่นเต็มลองไปหาดูกันได้ค่ะ
httpv://youtu.be/IOQqDiQue6o
ส่วนตัวนี้เป็นงานไทยเมื่อต้นปี เมื่อดูจบแล้วจะรู้สึกได้ว่างานโฆษณา AXE ของไทยไม่ได้วาบหวามแต่ก็ไม่ได้ทิ้ง mood ของความเป็น AXE ด้วยจังหวะ ดนตรี โทนสี และเนื้อของงานโฆษณาที่ก็ยังคงตัวละครหลักไว้เป็นชาย หญิง และองค์ประกอบทางอารมณ์ แต่ด้วย local ที่ในเมื่อมันเป็นงานที่ขายในไทย การใส่อารมณ์ขันเข้ามาในสตอรี่มันทำให้หนังโฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้สร้าง sex appeal ให้คนดูแบบหนักหน่วงเหมือนงาน AXE เมืองนอก
httpv://youtu.be/GNwC88XN7SM
งานทะลึ่งแบบเจ็บแสบ จาก Virgin
ขึ้นชื่อเรื่องความซ่าบ้าบิ่นอยู่แล้วสำหรับการทำตลาดของเจ้าพ่อ Virgin อย่าง ริชาร์ด แบรนด์สัน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคู่แข่งตลอดกาลอย่าง British Airway เหตุการณ์นี้โด่งดังมากในอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2000 ที่สายการบินบริติชแอร์เวย์ได้ให้การสนับสนุนการสร้างชิงช้าสวรรค์ London Eye จุดชมวิวที่เป็นแลนด์มาร์กริมแม่น้ำเทมส์ แต่เมื่อเกิดประสบปัญหาระหว่างการก่อสร้างทำให้ต้องเลื่อนการเปิดออกไป สายการบินเวอร์จิ้นก็บัฟคู่แข่งได้อย่างแสบสัน ด้วยการปล่อยบอลลูนมี่มีข้อความว่า “BA can’t get it up” (BA ไม่สามารถตั้งได้) เป็นที่รู้กันว่ามันหมายถึงอะไร
TOM FORD VULVA FOR MEN
งานนี้แรงทั้งตัวโฆษณาและผลิตภัณฑ์ สำหรับ “ทอมฟอร์ด วัลวา*” ซึ่งพรีเซนต์ตัวเองเป็น น้ำหอมกลิ่นช่องคลอดสังเคราะห์สำหรับผู้ชาย ออกมาเมื่อปี 2007 เป็นสินค้าที่สุดโต่งที่สุดตั้งแต่เคยได้เห็นมา ไม่ขอบรรยายใดๆ ดูภาพโปรโมท และพิจารณากันเองเลยค่ะ
*วัลวา แปลว่า ช่องคลอด
อย่าคิดว่าเป็นเมืองนอกแล้วจะ free sex
แม้โดยมากเรามักมีทัศนคติว่า สำหรับฝรั่งแล้วเซ็กซ์คือเรื่องธรรมดาของเขา แต่รู้หรือไม่ว่าโฆษณาเหล่านี้โดนโจมตีอย่างหนักเลยทีเดียว ย้อนกลับไปที่โฆษณากางเกงยีนส์ คาลวิน ไคลน์ ที่พูดถึงในตอนต้น ดาราสาว Blooke Shield ถูกสถานีโทรทัศน์ CBS และ NBC แบนโฆษณาหลายชิ้นของ ด้านกลุ่มสตรีต่อต้านสื่อลามก และนักเคลื่อนไหวทางด้านสตรีหลายคน ก็ออกมาประท้วงโฆษณาดังกล่าวกันอย่างเดือดดาล แต่ คาลวิน ไคล์น กลับมียอดขายพุ่งทะยานแบบฉุดไม่อยู่ จนครองส่วนแบ่งตลาดกางเกงยีนส์เกือบ 70% สมาคมครอบครัวถึงกับส่งจดหมายไปให้บรรดาร้านค้าปลีกว่าให้เลิกจำหน่ายสินค้าของ คาลวิน ไคลน์ เลยเถิดไปถึงขั้นที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐต้องสอบสวน คาลวิน ไคลน์ แม้จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ในที่สุด คาลวิน ไคลน์ ก็ยอมถอดโฆษณาชุดนั้น แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นก็กลายเป็นการโฆษณาให้ คาลวิน ไคลน์ ไปในตัวแบบฟรีๆ
คำถามคือ…โฆษณาเซ็กซ์ๆทำให้เราจดจำสินค้า หรือจดจำความสยิวในโฆษณา?
โฆษณาเซ็กซ์ๆเอ็กซ์แตกสามารถยั่วยวนให้เราไม่อาจละทิ้งสายตาจากมันไปได้ แต่มันยั่วยวนมากพอจนทำให้เราอยากจะรีบหาสินค้านั้นมาใช้เลยหรือเปล่า? ง่ายๆเลยนะคะเวลาเจอโฆษณาสยิวๆเราจดจำสินค้าหรือจดจำความสยิวได้มากกว่ากัน หรือบางทีเซ็กซ์ในโฆษณาอาจจะไม่ได้มีผลอะไรกับเราเลยในแง่ของการสร้างความต้องการสินค้า แต่มันอาจจะแค่ดึงดูดให้เราจดจำโฆษณาตัวนั้นได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วแบรนด์อาจจะเป็นที่จดจำในเรื่องของความสยิวที่นำเสนอผ่านโฆษณา แต่มันตอบโจทย์ในเรื่องของยอดขายด้วยหรือเปล่า?
ไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่ทำโฆษณาเซ็กซ์ๆแล้วจะยอดขายพุ่งกระฉูดแบบ คาล์วิน ไคลน์ ต่อให้ได้ยอดขายมาจริง แต่ในระยะยาวแบรนด์จะใช้เซ็กซ์ดึงดูดผู้บริโภคได้อีกนานแค่ไหน? ยังไม่นับการถูกโจมตีจากกลุ่มหรือสถาบันต่างๆ ที่อาจจะทำให้แบรนด์ดังเป็นพลุแตก แต่ภาพลักษณ์และ value ลองแบรนด์ตกฮวบ งานวิจัยชิ้นหนึ่งจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้าเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่าปัจจุบันผู้หญิงจะรู้สึกเฉยๆ หรือถึงขั้นเบื่อ เมื่อได้เห็นพรีเซนเตอร์สินค้าที่เป็นผู้หญิงรูปร่างสุดเพอร์เฟคดูดีไร้ที่ติ แต่จะรู้สึกสนใจมากกว่าถ้าพรีเซนเตอร์สินค้าเป็นผู้หญิงที่ดูเป็นธรรมชาติ มีความสวยงามในระดับคนธรรมดา เพราะพวกเธอรู้สึกชินชากับความสวยงามแบบเซ็กซี่
ซึ่งอาจเป็นเพราะในโลกยุคนี้เราเข้าถึงเซ็กซ์กันได้แบบสุดแสนจะง่ายดาย ง่ายๆในบ้านเราเอง เราสามารถหาดูภาพสยิวๆได้ตามหนังสือพิมพ์หรือแมกกาซีนดารา เราเข้าถึงความสยิวยั่วยวนได้จากหน้าจอทุกที่ทุกเวลาที่เราต้องการ ความเซ็กซ์เอ็กซ์แตกไม่ได้มีอยู่เฉพาะในสื่อใหญ่อีกต่อไป สาวทรงโตหนุ่มล่ำที่เรา follow Facebook หรือ Instagram ก็เสิร์ฟความร้อนฉ่าให้เราดูกันทุกวันอยู่แล้ว ความเคยชินกับสิ่งเหล่านี้ที่เกิดในยุคนี้ อาจไม่ได้ทำให้เซ็กซ์เป็นเรื่องที่เร้าอารมณ์หรือสร้างความตื่นเต้นให้คนดูโฆษณาได้อย่างเช่นแต่ก่อน
เราไม่ได้บอกว่าการนำเสนอเซ็กซ์ในโฆษณาเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ในวันที่ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรม อาจจะเป็นการดีกว่าที่นักโฆษณาจะมองหาวิธีการนำเสนอที่ชาญฉลาด สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แยบยลมาเสิร์ฟคนดู เราอยากแนะนำให้ลองหางานโฆษณาถุงยางอนามัย durex ดูเป็นเคส ไม่ว่าจะเป็น TVC print หรือ out of home หลายชิ้นนำเสนอคอนเทนต์ผ่านวิธีการเล่าที่เจ๋งและแยบยลมาก การสร้าง sex appeal ให้โฆษณาไม่จำเป็นแค่ต้องเอานายแบบนางแบบมานุ่งน้อยห่มน้อย มีวิธีอีกมากมายที่ทำให้โฆษณาไปสะกิดอารมณ์คนดูแม้จะไม่มีการเปลื้องผ้าในโฆษณาเลย ซึ่งองค์ประกอบอาจจะเป็น เพลง น้ำเสียง ถ้อยคำ หรือ visual การหยอดคนดูให้ใจลุ่มๆ ยั่วเย้าให้เตลิดเปิดเปิงแต่ไม่ต้องสานต่อ ให้สมองและประสบการณ์ของคนดูโฆษณาได้จินตนาการทำงานกันต่อเอง อาจจะเป็นรูปแบบโฆษณาแบบเซ็กซ์ๆที่เราจะได้เห็นกันมากขึ้นเรื่อยๆก็เป็นได้
