ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมมักได้เจอคำถามว่าอยากจะเรียนด้าน Digital Marketing ที่ไหนดี หรืออยากจะทำ Digital Marketing เป็นต้องทำอย่างไร รวมทั้งการเจอ Ads ในโลกออนไลน์ที่เปิด Course สอน Digital Marketing ต่าง ๆ หรือบอกว่าตัวเองนั้นเป็น Guru ทางด้าน Digital Marketing ทั้งนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ในฐานะที่ทำงานตรงนี้มากว่าจะ 7-8 ปี
หลาย ๆ คนที่ทำ Digital Marketing จะรู้ดีว่าการทำ Digital Marketing ให้สำเร็จได้นั้นประกอบด้วยหลาย ๆ ส่วนด้วยกัน ไม่ใช่แค่การทำ Facebook Page, Facebook Ads, Line, Adwords, Content แล้วจะประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ได้ ยิ่งบอกว่าสร้างแบรนด์บนโลก Digital นั้นยิ่งต้องหันกลับมาคิดว่าหลักการ Branding นั้นคืออะไรกัน และสิ่งที่ทำนั้นคือ Branding หรือไม่ ทั้งนี้ในยุคที่ Guru, Coach, Mentor เฟื่องฟูมากมายเช่นนี้เราจึงได้เจอการบอกผ่านโลกออนไลน์ ว่าตัวเองเป็นคนเก่งด้าน Digital Marketing หรือทำเครื่องมือประมาณนี้คือ Digital Marketing แล้ว ซึ่งในความจริงแล้วก็ต้องย้อนกลับไปถามว่า Digtial Marketing คืออะไรกันแน่
Digital Marketing ในความจริงก็คือหลักการของ Marketing ที่เอามาปรับใช้ผ่านเครื่องมือ Digital และเน้นการสื่อสารด้วยวิธีคิดแบบ Digital ผ่านเครื่องมือ Digital หรือ Technology เป็นหลัก ซึ่งหลักการของ Marketing นั้นถ้าเอาตามตำราในอดีตเลยก็จะประกอบด้วยสิ่งที่เรียกกันว่า 4P คือ Product, Price, Place, Promotion ซึ่งแปลง่าย ๆ เองก็ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะทำการตลาด, ราคาสินค้าหรือบริการที่จะทำการตลาด, วิธีการที่จะนำสินค้าไปสู่กลุ่มเป้าหมาย หรือตลาดของตัวเอง และสุดท้ายคือการทำกิจกรรมทางการตลาด
ซึ่งมาในยุคนี้จาก 4P ก็เปลี่ยนไปเป็น 7P โดยมีส่วนที่เป็น People, Process และ Physical Evidence เพิ่มขึ้นมา ซึ่งก็คือการสร้างตัวบุคคลที่จะเจอลูกค้าขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่น, ระบบที่สร้างความมั่นใจและความสะดวกสบายให้ลูกค้า และสถานที่ที่ลูกค้าจะมาใช้บริการได้อย่างม่ีความประทับใจ ทั้งนี้จากหลักการ 4P หรือ 7P นี้ก็มีการเปลี่ยนมาเป็นสิ่งที่เรีกยกว่า 4C อีกเช่นกัน
4C นั้นประกอบด้วย Customer, Costs, Convenience, Communications ซึ่งหลักการนี้เป็นการเอา 4P มาปรับให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นโดยการทำ Product เปลี่ยนมาเป็น Customer โดยต้องดูว่า Customer มีความต้องการอะไร และอยากได้อะไร ซึ่งองค์กรจะนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไรที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้บ้าง จาก Price เปลี่ยนมาเป็น Cost เพือดูว่ามีต้นทุนอะไรที่เกี่ยวข้องที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความพึ่งพอใจต่อองค์กรได้ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาต่างของสินค้าและบริการอีกด้วย จาก Place เปลี่ยนมาเป็น Convenience โดยทำให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายในการใช้สินค้าและบริการมากขึ้นบนสถานที่ที่ลูกค้าคิดว่าสะดวกสบาย หรือมีความต้องการที่อยากจะซื้อสินค้าและบริการในสถานที่นั้นที่สุด และสุดท้าย Promotion มาเป็น Communication ในการสร้างการสื่อสารที่พร้อมใจกันทั้งองค์กรที่จะสื่อสารในแบบเดียวกันกับที่ลูกค้าต้องการอยากจะรู้
จะเห็นได้ว่าหลักการ Marketing นั้นต้องประกอบด้วปัจจัยต่าง ๆ ที่จะทำการตลาด สิ่งที่ทั้ง Coach, Guru หรือ Mentor ที่บอกเรื่องการทำ Facebook page, Facebook ads หรือ Content Marketing นั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการตลาดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าจัดการดี ๆ จะพบว่าสิ่งที่ทำไปนั้นส่วนใหญ่คือการสื่อสารทางการตลาดด้วยซ้ำ หรือเป็นแค่การทำการโฆษณาใน Digital เองก็ตาม ทั้งนี้ในการทำ Digital Marketing เองก็ไม่พ้นที่จะต้องมีหลักการเหมือนการทำ Marketing แต่ย้ายจากการทำบน Physical Environment มาเป็นบน Digital Environment และเปลี่ยนหลักการการสื่อสารที่เคยทำมาในแบบ Traditonal มาเป็นแบบ Digital นั้นเอง
ในยุคที่ Guru, Coach และ Mentor เฟื่องฟูกันแบบนี้ ทำให้มีคนกลุ่มนึงที่หากินกับความรู้ของคน หรือหากินกับคนที่อยากจะพัฒนาตัวเองทำให้เกิดการสอนอะไรที่ผิด ไปจากสิ่งที่ควรเป็น ผลที่เกิดขึ้นคือเป็นการทำลายธุรกิจของคนที่อยากจะเติบโต ทำลายวงการ Digital นอกจากนี้ยังไปสร้างความเชื่อที่ผิด ๆ ให้กับคนที่ไม่รู้ จนมีความเชื่อที่ผิด ๆ ฝังหัวกัน บางคนกลับไปเชื่อคนกลุ่มนี้ที่ไม่ได้รู้จริง เมื่อเจอคนที่ทำ digital marketing ที่แท้จริงมาแนะนำก็กลับไปเชื่ออีก หรือสุดท้ายทำแล้วไม่เวิร์คก็โทษว่าเป็นเพราะการทำ Digital Marketing โดยที่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตัวเองได้เรียนมานั้นอาจจะผิด เพราะมันเป็นความเข้าใจผิดมาตั้งแต่ Coach, Guru หรือ Mentor มาตั้งแต่ต้น การทำ Digital Marketing นั้นก็เริ่มมาตั้งแต่เรื่อง Product หรือ Service ของตัวเอง การวางกลุ่มเป้าหมาย เรื่อง Brand และการสื่อสารของตัวเอง การวางราคาของสินค้า และการวาง Channel รวมทั้งวิธีสื่อสารใน Channel ต่าง ๆ นั้นด้วย การทำแค่อันหนึ่งอันใดใน Digital Channal นั้นไม่ใช่ Digital Marketing แน่นอน และสำคัญคือ Digital Marketing ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการทำ Facebook Page, Facebook Ads หรือวิธีการใดวิธีการหนึ่ง แต่ประกอบด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ ส่วนเข้าด้วยกันจนเป็น Digital Marketing ขึ้นมา
ทั้งนี้ใน Digital นั้นเป็นโลกที่มี dynamic สูงมาก การเรียนรู้ในวันนี้ก็อาจจะตามไม่ทันสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ทำให้ “ตัวจริง” ของวงการ Digital Marketing นั้นไม่มีใครยืนยันว่าตัวเองเป็น Guru, Coach หรือ Mentor ได้ เพราะมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้ทุกวัน และยังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกมาก ซึ่งหากใครเจอคนที่บอกว่าตัวเองเป็น Guru, Coach หรือ Mentor นั้นพึ่งระวังไว้ว่าคนเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่ตัวจริงในวงการก็ได้
Copyright © MarketingOops.com