ก่อนอื่นเลยบทความชุดนี้นี่จะเป็นการทำนายหรือเอาเทรนด์ที่น่าสนใจที่กำลังเกิดขึ้นในต่างประเทศและกำลังมีแนวโน้มที่จะเข้ามาในเมืองไทยทั้งในเรื่อง Marketing, Digital Marketing และ Advertising ต่าง ๆ จากผมเองที่ทำงานอยู่ในแวดวงนี้และกำลังเห็นในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่น่าสนใจที่กำลังเกิดขึ้นในการทำงานและลูกค้าต่าง ๆ
เป็นประจำทุกปีที่จะมีการทำนายว่าปีหน้าอะไรจะเกิดขึ้นและน่าจะกระแสที่มีความสำคัญต่อคนทำงานหรือคนที่กำลังทำการตลาดซึ่งวันนี้ผมจะใช้ประสบการณ์ที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมการตลาดและโฆษณา กับการที่ได้ศึกษาจากนักโฆษณาและนักการตลาดชื่อดังจากต่างประเทศต่าง ๆ พร้อมแนวโน้มสิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศมาเป็นปัจจัยในการเล่าเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นนี้ ซึ่งหลาย ๆ เทรนด์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และเกิดขึ้นมาในต่างประเทศ ซึ่งเรื่องดังกล่าวกำลังมีความสำคัญมากขึ้นในปีนี้และจะส่งผลถึงในประเทศไทยในปี 2016 ที่เศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและนักการตลาดรุ่นใหม่เองนั้นจะมีผลต่อการทำการตลาดต่อไป
1. Digital Transformation
จากที่เคยได้มาเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงขององค์กรทั้งในแบรนด์เอง และ Agency เองจากการที่ Digital เข้ามามีผลต่อการ Disruption ต่าง ๆ จนการ Disrupt นี้เป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ทั่วไปและเกิดขึ้นแม้กระทั่งในองค์กรเองที่เปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจากการทำงานแบบ Silos มาเป็นการทำงานแบบ Multi-dicipline เข้าด้วยกัน (ซึ่ง Publicis Groupe เพิ่งมีการจัดการองค์กรตัวเองใหม่และแบ่งออกเป็น Hub 4 Hub เกิดขึ้นเพื่อรองรับการทำงานในอนาคตให้ดีขึ้น)
ทั้งนี้เพื่อให้อยู่รอดได้ในอนาคตและทำงานได้มีประสิทธิภาพที่มีความรวดเร็ว กระบวนการใช้ Digital ในทุก ๆ หน่วยงานในองค์กรจึงมีความสำคัญขึ้นมา ทุก ๆคน ทุก ๆ แผนกควรรู้จักการใช้เครื่องมือและวิธีการเข้าใจเรื่อง Digital ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งนี้กระบวนการ Digital Transformation จะเป็นรถไฟด่วนขบวนนึงที่นักการตลาดหรือผู้บริหารองค์กรควรใส่ใจ ซึ่งถ้าตกรถขบวนนี้แล้วธุรกิจหรือการตลาดของตัวเองนั้นจะไม่สามารถอยู่รอดในตลาดในอนาคตได้เลยทีเดียว
2. Consumer Centric
จากการที่ Digital เข้ามานี้ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไป ยิ่งนับวันคนเริ่มเข้าถึง Digital มากขึ้น ลองดูที่บ้านตัวเองว่า ขณะดูทีวีมีใครดูทีวีจริง ๆ จัง ๆ บ้าง หรือดูไปและเล่นไลน์ไป (ซึ่งแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรายังติดไลน์เลย) หรือไปตามตลาดนัดหรือคนงานก่อสร้างก็ยังเห็นว่าใช้ Line เป็นหรือดูละครย้อนหลังผ่าน Youtube ได้ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้รู้ตัวว่ากำลังใช้อินเทอร์เนตอยู่เลย
ด้วยพฤติกรรมที่ผู้บริโภคสามารถเลือกสื่อที่จะเข้าไปปฏิสัมพันธ์เองได้ และเลือกที่จะบริโภคสื่อที่สื่อสารที่เข้าใจตัวเองมากกว่าสื่อที่พยายามยัดเยียดการขายอย่างเดียวโดยไม่สนใจว่าผู้บริโภคจะสนใจอะไร ทั้งนี้เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจที่อาจจะเป็นขาลงในปีถัดไป ทำให้การทำ TVC หรือการใช้สื่อโฆษณาทีวีนั้นจะมีอัตราการลดลง ทำให้สื่ออื่น ๆ โดยเฉพาะ Digital จะกลายมามีความสำคัญมาก และต้องส่งให้ถึงช่องทางการจัดจำหน่ายด้วย เพราะฉะนั้นการเข้าทำ Consumer Centric Marketing จะมีความสำคัญขึ้นมาแทน
3. Data Driven Marketing
เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ได้กล่าวถึงไปทำให้กระบวนการรีดประสิทธิภาพทางการตลาดให้คุ้มค่าที่สุดจะเกิดขึ้น ตลาดที่ซบเซาจะทำให้งบการตลาดที่จะใช้นั้นน้อยลง แต่ผลที่ต้องการนั้นต้องการเท่าเดิม ทำให้เการทำการตลาดอะไรที่มีการวัดผลยาก หรือวัดผลไม่ได้จริง จะถูกลดการใช้หรือไม่ใช่เลยลง และหันมาใช้วิธีการทำการตลาดที่วัดผลได้จริงและได้ประสิทธิภาพตามความต้องการจริงเกิดขึ้น
ทั้งนี้จะเกิดการแข่งขันกันในสื่อที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้จริง เห็นจริง และจะมีการถามถึงกระบวนการปรับแต่งให้สื่อนั้นเหมาะสมมากขึ้นไปอีก จากตรงนี้เองเรื่อง Viewability จะมีผลมาวัดเรื่องสื่อโฆษณาว่าเห็นจริงหรือเห็นไม่จริง การใช้สื่อที่เรียกว่า Programmatic Advertising ที่มีการวัดผลและการเลือกซื้อตามความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำ Growth Hacking พร้อมทั้ง การใช้ 3rd Party เข้ามาวัดประสิทธิภาพของการทำโฆษณา และการวัดผลที่ Result ที่ว่าได้ผลจริงหรือไม่
4. Post Demographic
Digital เข้ามามีผลหลาย ๆ อย่าง และสิ่งหนึ่งในนั้นทำให้นักการตลาดรู้ว่าแล้ว Demographic นั้นใช้ไม่ผลในยุคนี้อีกต่อไป เนื่องด้วยโลก Digital นั้นย่อโลกเข้ามาให้ใกล้ชิดกันผ่านเครือข่ายออนไลน์ ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคไม่ได้ถูกจำกัดที่ถิ่นที่อยู่อาศัย เพศ และอายุอีกต่อไป แต่กลายเป็นความชอบของผู้บริโภคนั้น ๆ ว่าชอบอะไรและปฏิสัมพันธ์แบบไหนแทน
ทั้งนี้การตลาดยุคใหม่แบ่งกลุ่มผู้บริโภคที่พฤติกรรมและความสนใจของผู้บริโภคนั้น ๆ เอง เช่นการที่มีผู้สูงอายุชอบแต่งตัวแบบ Hipster ก็มีพฤติกรรมที่แตกต่างจากผู้สูงอายุทั่วไป หรือผู้ชายที่เป็น Metrosexual ที่อาจะชอบใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้หญิง หรือผู้หญิงที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้ชายแทน ด้วยพฤติกรรมและรูปแบบความชอบนี้เองที่ในสมัยก่อนนั้นไม่สามารถหาได้ แต่ในยุคปัจจุบันนักการตลาดสามารถติดตามความสนใจของผู้บริโภคได้ผ่านเครื่องมือ digital ต่าง ๆ ทำให้ demographic นั้นจะถูกลดทอนบทบบาทลงเพราะไม่ได้สื่อถึงความต้องการจริง ๆ ของผู้บริโภค
5. Startups Garage Partner
เมื่อ Digital เข้ามาบทบาท ทำให้เกิด Startups ที่ Disrupt ธุรกิจมากมาย ทำให้ Startups ที่เกิดขึ้นมาเหล่านี้มีผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากมายเช่นกัน และเป็นกลุ่มคนที่นักการตลาดอยากจะเข้าไปจับมากที่สุด ซึ่งการทำการตลาดเองเพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มนี้วิธีการอันง่ายสุดคือการเข้าไปมีความร่วมมือกับ Startups เหล่านี้เพื่อทำการตลาดกัน และทำให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดในตลาดที่เรื่อง Digital นั้นเดินเต็มสูบอีกด้วย เพราะในระหว่างการที่องค์กรตัวเองปรับเปลี่ยนไม่ทันนั้นการมีความร่วมมือจึงเป็นทางออกชั่วคราวในตอนนี้
ทั้งนี้เมื่อตัวเองปรับเปลี่ยนได้แล้ว ในการหาทางสร้างสรรค์เครื่องมือใหม่ๆ หรือกลยุทธ์ใหม่ ๆ ทางการตลาดนั้นจึงมีความสำคัญ แบรนด์จึงจะต้องสร้างเครื่องมือในการสร้าง Startups ของตัวเองขึ้นมาอย่าง Accelerator หรือการเข้าไปลงทุนใน Startups นั้น เพื่อให้องค์กรตัวเองมีเครื่องมือต่าง ๆ ในการทำการตลาดในอนาคตได้
ทั้งนี้ 5 เรื่องนี้เป็นกระแสใหญ่ ๆ ในภาพรวมทั้งหมดของตลาดที่กำลังขึ้นมาในตลาดและทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งในตอนนี้ธุรกิจนั้นไม่ได้แข่งกันที่ว่าใครใหญ่กว่าใคร แต่แข่งกันที่ว่าใครเร็วกว่า และใครปรับตัวได้เร็วกว่ากัน