หลังจากที่ได้เขียนถึงกลยุทธ์เบื้องหลังการเปิดตัว iPhone 5s และ iPhone 5c ผ่านบทความ ‘อ่านเกม Tim Cook ผู้บริหาร Apple จากการเปิดตัว iPhone 5s และ 5c’ โดยคุณ iNid Nirundon (Director ของ iBeat by iAny https://www.facebook.com/ibeatbyiany ที่ได้วิเคราะห์ในสิ่งที่หลายๆ คนอาจคิดไม่ถึงในเรื่องการจัดการทางการผลิต (Prodcution) และ ความรู้สึกของลูกค้า (Customer Perception) อันชาญฉลาดของ Tim Cook และทีมงานไปแล้ว ครั้งนี้เป็นภาคต่อจากบทความครั้งก่อน และยังเป็นมุมมองที่น่าสนใจเช่นเคย
อ่านเกม Tim Cook ผู้บริหาร Apple จากการเปิดตัว iPhone 5s และ 5c (ตอน 2)
ผมได้กลับไปดูข้อมูลเพิ่มเติมของ iPhone ทั้ง 2 ตัวอย่างละเอียดอีกครั้งบน Apple.com พบว่ายังมีอีกหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ที่ยังสามารถนำมาวิเคราะห์กันต่อได้อีก รับรอง..ว่าเนื้อหายังคงแน่นและฉีกแนวไม่แพ้ตอนแรก
“ตัดไม้ข่มนาม”
อันนี้ถ้าเป็นคนไทยคงบอกว่ามันคือ “ความเชื่อส่วนบุคคล” แต่สำหรับฝรั่งมันก็ป็นเพียงหนึ่งในเกมทางการตลาดด้วยการบลัฟคู่แข่งว่า “ถ้าคุณยังไม่เคยกำหนดมาตราฐานใดๆ อย่าได้คิดที่จะสร้างมาตราฐานที่สูงกว่า”
อ่านแล้วพอจะเดาออกมั๊ยครับว่า Apple กำลังพูดถึงใครเอ่ย?
“ดักคอ”
ยังคงเบาสมองเหมือนเดิม..การมาของ iPhone 5s สีทองนั้นทำให้เชื่อได้ว่าเราจะเห็น Smartphone สีทองอีกหลายยี่ห้อออกมาขายเช่นกัน Apple กล่าวว่า iPhone 5s คือ Gold Standard ดังนั้นใครออกสีทองมาก็จะกลายเป็นผู้ตามหลังและเข้ามาเล่นเกมที่ Apple เป็นผู้กำหนดมาตราฐานทันที
ทีนี้มาดูของหนักๆ กันบ้าง…
“Forward thinking”
การเปิดตัว iPhone 5c เป็นกลยุทธ์ที่ล้ำเลิศทางการผลิตและการจัดการความรู้สึกลูกค้าก็จริง แต่มันเป็น
เพียงการเอาเหล้าเก่าขวดมาใส่ขวดใหม่เท่านั้น (ถึงจะกินแล้วเมาเหมือนกันก็ตาม) แต่ไม่มีอะไรที่แสดงถึงความเป็นผู้นำในตลาดเลย เช่นที่หลายๆ คนมองว่า iPhone 5s ก็เดิมๆ ไม่ได้มีน่าตื่นเต้นเลย
แต่…ผมกลับไม่คิดแบบนั้น ผมว่ามันมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอยู่มากมาย
iPhone 5s มี tagline ว่า Forward thinking แน่นอนมันคงไม่ได้มีเอาไว้เท่ห์เท่านั้น แต่มันถูกสร้างมาจากการไม่ยอมหยุดนิ่งและการคิดไปข้างหน้าของ Tim Cook และทีมงานจริงๆ
“ขงเบ้ง” ปราชญ์แห่งยุคสามก๊กกล่าวเอาไว้ว่า (ผมตีความเอาเองจากการสนทนากีบโลซก)..
“แม่ทัพอย่างตั๋งโต๊ะ หรือ ลิโป้ ถึงแม้จะเก่งแต่ไม่น่าเป็นที่ยกย่อง ทั้งสองสร้างกองทัพด้วยการสะสมและเพิ่มไพร่พลให้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการทำเช่นนั้นมีข้อเสียมากมาย เพราะเมื่อกองกำลังใหญ่ขึ้น การจัดการก็ยากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้น แม่ทัพที่น่ายกย่องต้องเป็นผู้ที่รู้จักใช้ทหารที่มีอยู่ ทำการฝึกฝนไพร่พลให้เก่งกล้า ใช้อาวุธทีเหมาะสม หยั่งรู้ดินฟ้าอากาศ กองกำลังจึงไม่ต้องมีขนาดใหญ่ แต่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ”
Tim Cook คงได้อ่านสามก๊กเป็นแน่แท้..เพราะต่อไปนี่คือสิ่งที่ Tim Cook และทีมงานได้ตัดสินใจทำ
64-bit Mobile Computing
Apple เลือกที่จะทำให้ชิพ Apple A7 ยังคงเป็น Duo-Core แทนที่จะใช้ Quad-Core ดังที่คู่แข่งใชกันส่วนใหญ่แล้ว Apple มองว่าด้วยขนาดของ Smartphone การใช้ชิพ Quad-Core จะเปลืองพื้นที่ กินแบตเตอรี่ และประสิทธิภาพอาจจะไม่เต็มที่
สิ่งที่ Apple ทำคือการมองไปข้างหน้า และ สร้างมาตราฐานใหม่ด้วยการทำให้ iPhone 5s เป็น Smartphone ตัวแรกและตัวเดียวที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบ 64-bit
สถาปัตยกรรมแบบ 32-bit สามารถมี RAM ได้มากที่สุดที่ 4GB (มาจาก 2 ยกกำลัง 32-bit นั่นเอง) ดังนั้น 64-bit จะทำให้มี RAM ได้มากขึ้นอย่างมหาศาล แน่นอน..การมี RAM เยอะคือการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่อง แต่ RAM คือตัวกินแบตและพื้นที่อันจำกัดของ Smartphone อาจจะยังไม่เหมาะที่ใส่ RAM เข้าไปเยอะ แต่มันคือความจำเป็นที่จะต้องมีเพราะ Applications ต่างๆ ก็ต้องการ RAM มากขึ้นเพื่อการทำงานที่สมบูรณ์และรวดเร็ว
แล้ว 64-bit มันจะช่วยอะไรได้ล่ะ?
คิดง่ายๆ ว่า CPU สามารถโหลดข้อมูลเพื่อประมวลผลได้มากขึ้นจากครั้งละ 32 เป็น 64 ตัว แน่นอนเราจะได้ผลลัพธ์เร็วขึ้น โดยเฉพาะ Application ที่มี Graphic หนักๆ อย่างเช่นเกม Infinity Blade III ที่ได้มาร่วมเปิดตัวในงานด้วย หรือ Application ชนิดที่ต้องประมวลผลและอัพเดทการแสดงผลลัพธ์บ่อยๆ เช่นการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ หรือ เกมที่มีการเปลี่ยนแปลงทางหน้าจอบ่อยๆ อย่างเช่น Candy Cruch Saga เกมเหล่านี้คือตัวกินแบตเตอรี่เลยครับ เนื่องจาก CPU ต้องทำงานหนักและเมื่อ CPU ทำงานหนักก็แปลว่าแบตเตอรี่ก็หมดเร็วไปด้วย เมื่อได้ 64-bit เข้ามาช่วยนอก CPU จะทำงานได้เร็วขึ้นแลัวยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
ทั้งนี้ในการทำงานแบบ 64-bit Mobile Computing นั้นจะ Hardware, OS, และ Application จะต้องเป็น 64 bit ด้วย iPhone 5s พร้อมชิพ Apple A7 เป็น 64-bit แล้ว iOS 7 ก็เป็น 64-bit แล้ว สำหรับ Application นั้น Apple ได้ออก SDK ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาในการแปลง Application ให้เป็น 64-bit เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น Ecosystems หรือ ระบบนิเวศน์ (จะแปลกันทำไมเนี่ย?) ของ Apple จะเป็น 64-bit ในเวลาอันรวดเร็ว
สำหรับวันนี้ 64-bit อาจจะยังไม่มีผลมากนัก แต่..มันคือมาตรฐานในอีก 2-3 ปีข้างหน้าที่ผู้ผลิต Smartphone ทุกรายไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ที่สำคัญตือมันช่วยให้การรวมกันของ iOS และ OS X เป็นไปได้มากขึ้น เราคงได้เห็นเครื่อง Mac กับ iPad จะใช้ OS และ App ตัวเดียวกันในเร็ววันนี้
M7 co-processor
การใช้ชิพ M7 เข้ามาช่วยในการประมวลผลด้านการเคลื่อนไหวถือเป็นความฉลาดอีกอย่างหนึ่ง M7 นอกจากจะช่วยลดการทำงานของตัว CPU หลักแล้วยังทำให้มี Application รวมถึง Accessories ใหม่ๆ ออกมาอีกด้วย
TouchID
เป็นที่รู้กันว่าการพิมพ์รหัสผ่านบน Smartphone นั้นโดยเฉพาแบบที่มีทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมีตัวเลขและมีสัญญลักษณ์ต่างๆ คือวิบากกรรมของผู้ใช้งาน ดังนั้นการใช้ลายนิ้วมือแทนการพิมพ์รหัสผ่านได้เป็นเสมือนปอเต็กตึ้งมาช่วยผู้ประสพอุบัติเหตุเลยทีเดียว Fingerscan ไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัยให้สูงขึ้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานด้วย เพราะสามารถใช้ในการยืนยันตัวตนสำหรับธุรกรรม e-commerce ได้อีกด้วย
กล้องถ่ายรูป
Apple เลือกที่จะไม่ใช้ฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้นโดยมีความละเอียดที่ 8MP เท่าเดิม แต่ใช้องค์ประกอบอื่นๆ ที่ทำให้ผลลัพธ์ของการถ่ายรูปดีขึ้น เช่น การใช้ Truetone แฟลชในการถ่ายภาพในสภาวะที่มีแสงน้อย หรือการใช้เซนเซอร์รับแสงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 15% หรือการมี Apperture ที่ f / 2.2 เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการคิดไปข้างหน้าด้วยด้วยการ Optimize ฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ให้ดีกว่าเดิมแทนที่จะใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการจใช้ฮาร์ดแวร์ตัวใหม่ตลอดเวลา
สิ่งเหล่านี้คือการแสดงให้เห็นถึง Forward Thinking การคิดไปข้างหน้าโดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต และสร้างมาตราฐานใหม่ที่คู่แข่งไม่เคยทำมาก่อน
*วันนี้เป็นวันแรกของการอัพเกรดเป็น iOS 7…ขอให้ Digital life ของทุกคนเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนานกับ iOS 7 ครับ!
ขอขอบคุณบทวิเคราะห์ดีๆ จาก iNid Nirundon Director ของ iBeat by iAny https://www.facebook.com/ibeatbyiany